3. วิธีสังเกตว่าเป็นOrganic หรือ ไม่เป็นOrganic link
ทางเว็บมาสเตอร์อาจจะได้รับอีเมลล์แจ้งเตือนว่าได้ทำลิงค์ที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือทำสแปมโดยเนื้อหาโยงมาที่เว็บมาสเตอร์ แต่กว่าที่อีเมลล์จะส่งแจ้งเตือนมาก็อาจจะสายไปเสียแล้ว เนื่องจากอันดับและทราฟฟิคของเว็บไซต์ต่ำลงอย่างชัดเจน
เราต้องยอมรับว่าการโปรโมทเว็บไซต์โดยใช้ลิงค์ในประเทศไทยยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก นี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อนำมาใช้คู้กับ SEO จึงได้ประสิทธิผลที่มากว่ายุโรปและอเมริกา
อะไรที่ไม่ใช่Organic link?:
- การแลกเปลี่ยนลิงค์ระหว่างเว็บไซต์
- ลิงค์ที่มาจากเว็บไซต์สแปม
- สแปมบนคอมเม้นท์, ฟอรั่ม และ หน้าแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ต่างๆ
- ลิงค์จากไดเรกทอรี่ต่างๆ
- การแลกเปลี่ยนลิงค์อัตโนมัติ และ/หรือ การแลกเปลี่ยนลิงค์ที่ไม่มีการกลั่นกรอง
- ลิงค์ที่ได้จากการจัดการชื่อเสียง (เมื่อมีบริษัทหรือแบรนด์ต่างได้รับคอมเม้นท์แง่ลบ บริษัทเหล่านั้นจะถูกลบออกจากอันดับท็อปใน Google ด้วยเทคนิคหลายรูปแบบ)
- กลยุทธ์และวิธีการบิดเบือนในรูปแบบต่างๆ
Organic link – ลิงค์ที่ได้รับจากผู้เยี่ยมชมและผู้อ่านของโปรเจคจริงๆ โดยปกติลิงค์เหล่านี้จะอยู่ใน ข้อความของURL เว็บไซต์, ชื่อบทความ, โดยอ้างอิงไปยังคีย์เวิร์ดเหล่านี้ “ที่นั่น”, “ในเว็บไซต์”, “โดยลิงค์ หรือชื่อเว็บไซต์ธรรมดา
คุณสมบัติที่โดดเด่นของลิงค์เหล่านี้คือ เจ้าของโปรเจคจะไม่สามารถรับลิงค์หรือได้รับลิงค์ยาก
ข้อความของลิงค์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์และการเงินเป็นคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการแข่งขันกันระหว่างเครื่องมือโปรโมทเว็บไซต์ คีย์เวิร์ดเหล่านี้จะนำมาซึ่งกำไรและสามารถเปลี่ยนแปลงจากหัวข้อนึงไปยังอีกหัวข้อนึงได้
คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:
- มีคีย์เวิร์ดที่มีความถี่สูงหรือปานกลางสร้างในเสิร์ชเอนจินตามลำดับความสำคัญของคำขอ
- เครื่องมือโปรโมทจะแข่งขันกันในคีย์เวิร์ดเหล่านี้เพื่อให้จำนวนของลิงค์ที่มีข้อความเหล่านี้ปรากฎในอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากผิดปกติ เมื่อเสิร์ชเอนจินสามารถพิจารณาได้โดยอัตโนมัติว่าคีย์เวิร์ดใดเป็นคีย์เวิร์ดออร์แกนิคและคีย์เวิร์ดใดเป็นคีย์เวิร์ดเชิงพาณิชย์ เมื่อลิงค์ที่มีข้อความเชิงพาณิชย์ครอบคลุมจำนวนลิงค์ทั้งหมดของเว็บไซต์ที่โปรโมท – อาจส่งผลให้เสิร์ชเอนจินอย่าง Google สงสัยและเว็บไซต์ที่โปรโมทอาจถูกแบนหรือได้รับข้อจำกัดบางอย่าง
No comments:
Post a Comment