น่ารักดอทคอม
Showing posts with label SEO. Show all posts
Showing posts with label SEO. Show all posts

Tuesday, April 15, 2014

Title tags กับการทำ Search Engine Optimization (SEO)

Title tags กับการทำ Search Engine Optimization (SEO)

Title tags นั้นตามปรกติจะใช้บอกชื่อหน้าของเว็บเพจ ซึ่งจะแสดงผลอยู่ด้านบนสุดของ web browser เป็นส่วนที่ถือว่าสำคัญมากในการทำ SEO เพราะผลลัพธ์ในการค้นหาที่ได้นั้นจะแสดงผลเนื้อหาที่อยู่ใน Title tags ก่อน 
Title optimize SEOหากเราสังเกตจะพบว่า 1 ใน 10 หรืออันดับต้นๆที่เป็นผลลัพธ์จากการค้นของของ Search Engine นั้นไม่มีผลลัพธ์ใดเลยที่ไม่มีคำที่ค้นหา (Keyword) อยู่ใน Title tags แน่นอนว่า keyword ที่อยู่ในเนื้อหา หรือ body tags นั้นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน แต่มันจะดีกว่าหากเราให้ความสำคัญตั้งแต่ชื่อของเว็บเพจ โดยพิจราณา หัวข้อดังต่อไปนี้ก่อนการตั้งชื่อให้กับเว็บเพจ 
  • Keyword สำคัญที่ต้องการให้ค้นหาเจอ หรือ keyword ที่เป็นตัวแทนของเว็บเพจนั้น จะต้องอยู่ใน Title tag
  • ความยาวไม่ควรเกิน 60 ตัวอักษร หรือประมาณ 7 ถึง 10 คำ
  • ควรทำให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านได้ง่าย
  • ไม่ควรใส่ชื่อหน้า เช่น หน้าแรก , ติดต่อเรา หรือ สินค้าของเรา เพราะไม่สื่อถึงความหมาย และผู้ใช้งานก็ไม่ได้ใช้คำพวกนี้ในการค้นหา
  • พยายามให้ keyword ที่ต้องการนั้นอยู่ชิดกัน เช่น ขายรถยนต์ Toyota ปี 1990 ไม่ควรใช้เป็น ขายรถยนต์ ปี 1990 ยี่ห้อ Toyota เพราะให้หัวข้อนี้เราต้องการเน้น keyword 2 ตัวคือ รถยนต์ และ Toyota
  • ควรให้ Keyword อยู่เป็นคำแรกใน Title tags
  • ไม่ควรใช้ Keyword ใน Title tags ซ้ำกัน เพราะจะทำให้คำนั้นกลายเป็นขยะไป
  • ลำดับของ Keyword ก็มีความสำคัญ เช่น Toyota Yaris ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า Yaris Totota เพราะด้วยความคุ้นเคยที่เรามักจะค้นหาด้วยยี่ห้อของรถก่อน จากนั้นจึงใส่ชื่อรุ่น หรืออาจเป็นเพราะการโฆษณาที่ทำให้เราเคยชินกับชื่อ Totota Yaris

สุดท้ายนี้ Keyword อาจสำคัญสำหรับการทำ SEO ก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำเว็บไซต์คือ เราทำให้คนอ่านไม่ใช่ให้คอมพิวเตอร์อ่าน ทางทีมงานจึงขอแนะนำว่าควรใช้คำที่มีความหมาย และสื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายที่สุด จึงจะมีประโยชน์มากที่สุด

การทำ SEO คืออะไร

การทำ SEO คืออะไร

SEO หรือ Search engine optimization คือกระบวนการที่พยายามเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพ เข้าสู่เว็บไซต์ (ของคุณ) จาก Search Enigne ต่างๆ ด้วยวิธีการต่างๆ เพราะโดยปกติแล้วเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่ใน Search Engine ในลำดับแรกๆ มักจะถูกคลิกบ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ด้านล่าง หรืออยู่หน้าถัดไป โดยปกติแล้วเป้าหมายการทำ SEO นั้นอยู่หลายที่ เช่น Image Search, Video Search แต่ที่เราใช้มากที่สุดคือ Web Search นั่นเอง พูดง่ายๆ ก็คือ SEO คือการทำสงครามระหว่าง WebMaster ทั้งหลาย เพื่อช่วงชิงตำแหน่งสูงๆ ของผลลัพธ์ในการค้นหาจาก Search Engine ชื่อดังต่างๆ โดยมี Keyword เป็น อาวุธนั่นเอง 
 
การที่จะทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นเป็นผลลัพธ์แรกๆ ในการค้นหาจาก Search Engine นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องอาศัยความพยายาม โดยหลักการทั่วๆ ไปดังนี้
  1. เลือก Domain Name ที่เกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์ ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่เลือก Domain Name ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาคือ GameSpot.com ซึ่งตัวเว็บไซต์ ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Game
  2. การอัพเดทเนื้อหาที่สม่ำเสมอ การอัพเดทเว็บไซต์บ่อยๆ จะทำให้ Search Engine ได้รับข้อมูลใหม่ของเว็บไซต์เราบ่อยๆ โดยปกติแล้ว Search Engine จะชอบเว็บไซต์ ที่มีการเพิ่มเนื้อหาสม่ำเสมอ มากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง
  3. แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ย้ำนะครับว่าเนื้อหาต้องเกี่ยวข้องกัน ไม่เช่นนั้น Search Engine จะมองว่าเว็บไซต์ที่เราลิงค์ไปนั้นไม่มีคุณภาพ หรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ในเว็บไซต์ที่มัน indexed อยู่ สิ่งนี้จะทำให้เราเว็บไซต์ของเรามีค่าลดลงในสายตาของ Search Engine
  4. อย่ามีแค่เนื้อหา ถ้าคุณเวลา คุณสามารถอัพโหลดรูปภาพประกอบเนื้อหาเข้าไปด้วยจะดีมาก เพราะคนที่เข้าชมเว็บไซต์เห็นตัวหนังสือเยอะๆ จะเริ่มเอียน มีรูปภาพบ้างประปราย คนอ่านจะได้พักสายตาบ้าง แถมเว็บไซต์ของคุณอาจจะมีโอกาสไปปรากฏในผลลัพธ์การค้นหารูปภาพของ Search Engine อีกด้วย สองเด้งเลยทีนี้ แน่นอนรวมถึงการอัพไฟล์วีดีโอด้วย ถ้าทำครบได้ก็ดีเลยครับ
  5. ออกแบบเว็บไซต์ให้น่าใช้ เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญนะครับคุณลองดูอย่างเว็บไซต์ wikipedia นะครับ เค้าไม่ได้ออกแบบให้หรูหราอะไรเลย ใช้สีอยู่ไม่กี่สี รูปภาพไม่กี่รูป แต่น่าอ่าน คนใช้แล้วอยาก ใช้อีก บางเว็บนะครับ (ไม่ขอเอ่ยชื่อเว็บ) ใช้สีเยอะแยะรูปเยอะไปหมด เปลี่ยนรูปตัวชี้เมาส์เราอีกตะหาก เว็บเหล่านี้แหละครับที่จะไม่ค่อยกลับมาใช้อีกเพราะว่ามันใช้ลำบากครับ


ท่านใครมีคำถามหรือข้อคิดเห็นสามารถถามต่อได้ในกล่องข้อความนี้ครับ

Sunday, April 13, 2014

13.สังคม พฤติกรรมและการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการทำSEO

13.สังคม พฤติกรรมและการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการทำSEO
      ปัจจุบันและต่อไปข้างหน้า ความสำคัญของพฤติกรรมในการพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของเว็บไซต์ยังคงอยู่ในระดับเดิมและแข็งแรงขึ้นความคลาสสิคของ SEO คือการดำเนินการทุกกิจกรรมผ่านสัญญาณทางสังคม ตัวอย่างเช่น ลิงค์ที่มีจำนวนคลิกเยอะๆ(ถูกกำหนดโดยเสิร์ชเอนจิน) ทำงานได้ดีและนี่เป็นสาเหตุสำคัญในการเพิ่มความยาวของลิงค์ข้อความเพื่อแยกลิงค์ออกจากข้อความหลักและเพิ่มโอกาสในการคลิกลิงค์ได้ดีลิงค์จากเว็บไซต์ที่มีทราฟฟิคสูงและมีสัญญาณทางสังคมเข้ามามากก็ทำงานได้ดีเช่นกัน การทำงานที่ไม่ดีจะแสดงโดยการที่ลิงค์ละทิ้งเว็บไซต์ ซึ่งไม่มีทราฟฟิคที่แท้จริงและยังไม่เป็นที่ที่น่าสนใจของผู้ใช้อีกด้วย
      ดังนั้นลิงค์ที่แยกตัวออกมาสามารถให้ link weight ที่ดีหากมันเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าชม (ซึ่งเป็นเป้าหมายของการพัฒนาโมเดล HTML) ระดับความเป็นประโยชน์สามารถวัดได้ง่าย หากผู้เข้าชมเว็บไซต์คลิกลิงค์และดำเนินการต่อไปยังเว็บไซต์ที่ยอมรับ ลิงค์จะมีประโยชน์มากกว่าลิงค์ที่ไม่มีการคลิก
      ความจริงแล้วการใช้เวลาไปกับเว็บไซต์ที่เปิดใช้งานแล้วและมีการนับจำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บแต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับลิงค์ที่มาจากหน้าเว็บ(donor) และเกี่ยวข้องกับโครงสร้างภายในและความสามารถในการขายข้อความหรือเนื้อหาที่น่าสนใจในเว็บไซต์
      การวัดจำนวนคลิกและการเปลี่ยนแปลงของลิงค์ระหว่างเว็บไซต์นั้นจัดทำโดย Google Analytics ที่ได้ติดตั้งไว้ในเว็บไซต์ เบราว์เซอร์อย่าง Chrome, Alex bars, และเครื่องมืออื่นๆ คุณแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า Google และเสิร์ชเอนจินอื่นๆได้รวบรวมและให้การวิเคราะห์สถิติไว้เป็นข้อมูล
      ดังนั้นเทรนปัจจุบันของเสิร์ชเอนจินคือการขัดเกลาทางสังคมในทุกๆด้าน เช่น หน้าที่หลักในการเข้าถึงคุณภาพของเว็บไซต์ หน้าเว็บหรือลิงค์ต่างๆของเว็บไซต์ที่กระทำโดยผู้ใช้ทั้งที่เห็นอย่างชัดเจน (เช่น ปุ่มไม่ชอบของ  Chrome) และแบบซ่อน (เช่น ดังที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นถึงความสมบูรณ์ของลิงค์) นอกจากนี้การพัฒนาของ WEB 2.0  สื่อออนไลน์ต่างๆและไมโครบล็อกมีความสำคัญในการทำงานกับเสิร์ชเอนจินที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยการประเมินธรรมชาติทางสังคม
นอกจากนี้ตัวแทนของ Google ยังกล่าวถึงแหล่งข้อมูลดีๆที่ควรมีไว้
  - บัญชีใน Twitter
  - หน้าเพจใน Facebook
  - ลิงค์จาก YouTube
  - และอื่นๆอีกมากมาย
       ขณะนี้เราได้ดำเนินการ ทฤษฎีการระเบิดสังคม หรือTheory of Social Outburst ชื่อนี้ผมเป็นคนตั้งขึ้นเองจากการที่ผมได้ใช้งานมันมาถึง 3 ปี ไอเดียง่ายๆของทฤษฎีนี้คือ
   - การอินเด็กซ์เนื้อหาอัตโนมัติ
   - การป้องกันการขโมยเนื้อหา

   - มั่นใจได้ว่าแต่ละข่าวที่ระบุไว้จะมี weight สูงสุดด้วยวิธีออนไลน์
แต่ละข่าวในเว็บไซต์จะสร้างการระเบิดเล็กๆในสื่อออนไลน์
มันง่ายในการจัดการสิ่งนี้จากมุมมองทางเทคนิค ชื่อเรื่องที่ตัดออกมาและเชื่อมโยงไปยังวัตถุที่เชื่อมต่อการโพสต์ของหลายๆไมโครบล็อกบล็อกสนับสนุนและแหล่งข้อมูลออนไลน์อื่นๆ
แหล่งข้อมูลที่สนับสนุนทั้งหมดนี้ (ไมโครบล็อกและแหล่งข้อมูลอื่นๆ) จะถูกเชื่อมโยงออนไลน์ เช่น มีผู้ติดตามจริงๆมากกว่า 1000 คนใน Twitterและมีผู้อ่านจริงๆบล็อกสนับสนุนและอื่นๆ สิ่งที่เราประสบความสำเร็จในการระเบิดเริ่มต้นคือ
1. เนื้อหา (บทความใหม่)ในเว็บไซต์จะถูกอินเดก์ภายในไม่กี่นาที
2. จะไม่มีการขโมยเนื้อหาหากคุณเป็นคนแรกที่คิดเนื้อหานั้น
3. ข่าวจะได้รับค่าเพิ่มจากเสิร์ชเอนจินและตามมาด้วยยอดขายหน้าเพจที่มีลิงค์เพิ่มขึ้นเช่นกันฃ

        วิธีนี้ช่วยให้คีย์เวิร์ด HF ติดอันดับโดยใช้ค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยและหลีกเลี่ยงไม่ให้มี link weightใดๆทั้งสิ้น ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการยืนยันจากวารสาร Seomozที่มีชื่อเสียง ซึ่งทำการเผยแพร่ตัวอย่างจริงเกี่ยวกับลิงค์ของTwitter และการ retweetสามารถมีอิทธิพลกับอันดับเว็บไซต์ในการค้นหาใน Googleอย่างไร

        นิตยาสารที่มีชื่อเสียงอย่าง Smashing ได้เผยแพร่ลิงค์บทความแนะนำการทำ SEOขั้นเริ่มต้นบนเว็บไซต์ Seomoz.org ซึ่งผลลัพธ์ในการretweetหลายๆครั้งใน Twitter ในวันเดียวกันนาย Rand Fishkin หัวหน้าของเว็บไซต์Seomoz.org ได้ประกาศว่าแหล่งข้อมูลนั้นติดอันดับที่ 4 ในผลการค้นหาที่ใช้คำว่า the Beginner's Guideในการค้นหา
        ดังนั้นอิทธิพลของปัจจัยด้านออนไลน์กับการติดอันดับได้รับการพิสูจน์แล้ว ความจำเป็นของการจัดการองค์ประกอบทางสังคมของการตลาดSEO บังคับเราให้ความสนใจกับ
 - การดึงดูดจำนวนสัญญาณทางสังคมมายังเว็บไซต์ของเรา
 - การจัดการแบรนด์ของเว็บไซต์
 - การอินเด็กซ์เว็บไซต์ที่เร็วขึ้นโดยการใช้เสิร์ชเอนจิน
 -  การจัดการ snippet เพื่อเพิ่ม CTR ในผลการค้นหา
 - การจัดการการเชื่อมโยงภายในที่ละเอียดมากขึ้น             
มันจำเป็นในการใส่ใจว่าโอกาสของการเติบโตของตำแหน่งและการติดอันดับเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้เข้าชมที่น้อยมากและไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นเอกลักษณ์ ไม่น่าสนใจและไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน
ดังนั้นสัญญาณทางสังคมสามารถมีอิทธิพลต่อผลการค้นหาให้เงื่อนไขทั้งสองที่พบ
1. มีจุดสัญญาณทางสังคมหลากหลายในเนื้อหา
2. เนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์และสามารถจัดการคุณภาพทั้งสองนี้ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ วางปุ่มที่เกี่ยวข้องกับสัญญาณทางสังคมในเว็บไซต์ของคุณ แนะนำให้ใช้
1. ปุ่ม retweet
2. ปุ่ม+1ของ Google
3. ปุ่มlikeของ Facebook
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นน้อยคุณต้องตัดสินใจเลือกปุ่มที่เชื่อมโยงกับสัมคมออนไลน์ต่างๆ(มีปุ่มหลากหลายประเภทที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ ดังนั้นคุณต้องดูความเหมาะสมในการใช้งาน)ต่อมาเราขอพูดถึงปุ่มของสังคมออนไลน์ พวกมันต้อง
1. มีขนาดใหญ่และชัดที่สุดเท่าที่ทำได้แต่เหมาะสมกับดีไซน์ของเนื้อหา
2. แสดงชัดเจน
3. เนื้อหาต้องเชิญชวนให้คนคลิกดู
จากข้อสุดท้าย คุณสามารถ
- ขอให้คลิกปุ่ม (ตัวอย่างเช่น «เรายินดีหากคุณบอกต่อเพื่อนของคุณเกี่ยวกับเรา» – และประโยคนี้จะถูกแยก(โดยการเน้น) ในเนื้อหา / รูปแบบข้อความ
- จัดให้มีการโหวตความนิยมของวัตถุ
- ทำให้ผู้ชม / ผู้อ่าน คลิกปุ่มด้วยวิธีอื่น (ตัวอย่างเช่น ให้คลิกปุ่มที่เกี่ยวข้องในการเปิดวัตถุใดวัตถุหนึ่ง)
ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการติดตั้งและปรับแต่งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ผู้เข้าชมมีโอกาสคลิกปุ่ม
สร้างปุ่มให้ใหญ่เท่าที่จะทำได้ และเหลือพื้นที่รอบไว้เชิญชวนผู้ใชให้กด คุณสามารถดูวิธีการติดตั้งปุ่มต่างได้ที่นี่: http://share42.com , http://addthis.com
นอกจากนี้ยังมีจำนวนที่น่าทึ่งของปลั๊กอิน และ add-onsสำหรับ CMS ที่ซึ่งสามารถติดตั้งปุ่มต่างๆเหล่านี้ได้
ต่อมาเราขอพูดถึงเนื้อหา ต้องเป็นไปตามกฎ linkbaiting เช่น
1. มีประโยชน์ (ตัวอย่างเช่น มีการอวยพรวันเกิด)
2. ให้ความบันเทิง – โดยการโพสต์รูปภาพ ข้อความตลกๆที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของคุณประเภทข่าวหรือกีฬา
3. นำเสนอของฟรีหลากหลายรูปแบบ
4. มีบทสัมภาษณ์และอื่นๆ
       คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าตัวเนื้อหาไม่ได้เป็นไวรัส มันต้องได้รับการทำให้มีชีวิตเพื่อให้มีคนเข้ามาอ่าน คลิก และทำกิจกรรมต่างๆบนเว็บไซต์
ขอพูดถึงการดำเนินการเบื้องต้น:
สัญญาณทางสังคมเป็นวิธีการประเมินเว็บไซต์ของคุณที่สำคัญวิธีหนึ่งเพื่อใช้งานสัญญาณทางสังคมอย่างเต็มรูปแบบควรทำตามเทคนิคต่อไปนี้
- สร้างปุ่มที่เชิ่มโยงกับสังคมออนไลน์ให้เห็นชัดเจนมากที่สุด (ดังที่เรากล่าวไว้แล้ว)
- เสนอข้อเสนอพิเศษให้แก่ผู้ใช้งานที่ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ (ดังที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น)
- ให้ประโยชน์ (ตัวอย่างเช่น เผยแพร่ลิงค์ไปยังผู้ที่ตอบTweeter 10 คนแรกในโพสต์ของคุณ)
       หากคุณโปรโมทธุรกิจ การค้า หรือเว็บไซต์อื่นๆซึ่งเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รับรู้ – ทำการเผยแพร่คำพูดของบุคคลที่เกี่ยวข้องและใส่ลิงค์เชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลแต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณได้ขออนุญาตหรือพูดคุยกับบุคคลนั้นก่อนทำการเผยแพร่
  -  ใช้งานระบบต่อไปนี้ http://triberr.com/ และ http://tweetfeed.com/ เพื่อโปรโมทเนื้อหาของคุณ

  -  ซื้อจำนวน like, tweet และ +1

12.การเลือกหาเว็บ(donor) เพื่อสร้างลิงค์ให้แก่เว็บไซต์

12.การเลือกหาเว็บ(donor) เพื่อสร้างลิงค์ให้แก่เว็บไซต์
      หน้าที่ของคุณคือ ประเมินหน้าเว็บ(donor) ที่คิดไว้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ โดยเป็นทางการแล้วเสิร์ชเอนจินจะให้ตัวแปลทุกตัวเพื่อใช้ในการประเมินซึ่งจะทำให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ค่อข้างรวดเร็วแทนที่การวิเคราะห์หน้าเว็บ(donor) จำนวนมาก เราจำเป็นต้องใช้งาน thaiseobar.com หรือ SEOquake (แอดออนใน Mozilla) สำหรับการทำงานนี้
- AddOn สำหรับ Google Chrome >> ดาวโหลด
- AddOn สำหรับ Mozilla Firefox  >> ดาวโหลด

อันดับแรก เราจะทำการปรับแต่งแถบเครื่องมือ SEOQuake โดยลบตัวแปรที่ไม่จำเป็นออกไปและเพิ่มตัวแปรจำพวกผลลัพธ์เสริมจาก Google (Google Supplemental results)

                                             

ต่อไป เราจะทำการพิจารณาถึงการประเมินตัวแปร
1. ค่า PR จำเป็นต่อหน้าอินเด็กซ์ของเว็บไซต์คุณ – มันจะช่วยบ่งชี้ลิงค์ภายนอกที่ทำทางไปสู่เว็บไซต์
2. จำนวนหน้าเว็บใน Google index > 10 – บ่งชี้ว่าเว็บไซต์ไม่ได้รับการกรองจาก Google
4. อัตราส่วน (“ผลลัพธ์เสริมจาก Google“/ “จำนวนหน้าเว็บใน Google index”) ≥ 15% – บ่งชี้ว่าเนื้อหาในเว็บไซต์มีเอกลักษณ์และลิงค์ที่คุณวางมีประโยชน์สำหรับหน้าเว็บ (donor) นี้
5. เรากำหนดทราฟฟิค SemRusch และสรุปผล
6. เรานำคำหลายคำจากหน้าอินเด็กซ์/หน้าเว็บภายในประมาณ 5-6 คำ และตรวจสอบตำแหน่งของคำในผลการค้นหาของ Google – หากคำเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแรกเราจะทำการปฏิเสธหน้าเว็บ donor
ผลลัพธ์ที่คุณจะได้คือ
1. เราสามารถกรองหน้าเว็บ (donor) ที่ไม่มีประโยชน์ออกไป ตัวอย่างเช่น เว็บที่มีหน้าเว็บจำนวนมากและใช้ผลลัพธ์เสริมในการอินเด็กซ์ หน้าเว็บประเภทนี้จะถูก Google กรองออก (หมายความว่าหน้าเว็บเหล่านี้มีเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ หรือ ใช้เนื้อหาที่เป็นสแปม)
2. เราสามารถลดงบประมาณได้ถึง 10-15 เท่าหากใช้หน้าเว็บ (donor) ที่มีคุณภาพเท่านั้น
3. เรายังลดความเสี่ยงในการถูกแบนโดยเสิร์ชเอนจิน
ตอนนี้ถึงเวลาพูดถึงปัจจัยในการประเมินที่หาทราฟฟิค
เว็บไทยหลายเว็บถูกบีบโดยการได้รับการลงโทษ ทราฟฟิคที่ลดลงในช่วงต้นปี 2555 บ่งชี้ว่าแอพพลิเคชั่นตัวกรอง Panda (คุณภาพของเนื้อหาต่ำ) จำนวนทราฟฟิคที่ลดลงในเดือนเมษายนและพฤษภาคม พ.ศ. 2555 บ่งชี้ว่าเว็บไซต์ได้รับผลกระทบลูกแรกจากตัวกรอง Penguin (วิธีการโปรโมทโดยใช้เนื้อหาสแปม)
นี่หมายความว่าหน้าเว็บ (donor) ที่มีทราฟฟิคน้อยหรือเป็นศูนย์ไม่มีประโยชน์และเป็นอันตรายต่อการโปรโมทของคุณ
อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องรวบรวมแผนภูมิของทราฟฟิคพร้อมการประเมินผลลพธ์ที่เป็นจริง คำค้นหาจำนวนมากจะเป็นผลดี และคำค้นหาที่มีการแข่งขันสูงยิ่งมีผลลัพธ์การค้นหาใน alexa.com มากเท่าไหร่นั่นหมายความว่าเว็บไซต์ได้รับการประเมินดีเท่านั้น
       ดังนั้นในเวลาเพียงหนึ่งนาที คุณสามารถกรองหน้าเว็บ (donor) ที่ไม่จำเป็นหรือไม่เป็นประโยชน์ออกไปได้และสามารถเลือกหน้าเว็บที่มีประโยชน์หรือส่งผลดีต่อการโปรโมท

11.การเลือกช่องทางที่ดีในการลงบทความ

11.การเลือกช่องทางที่ดีในการลงบทความ
      การโปรโมทเว็บไซต์ใหม่ๆ (มีอายุต่ำกว่า 4-5 ปี) ที่ยังไม่มีการสร้างลิงค์ที่ดีเพื่อให้ติดอันดับที่ 1 หรือ 2 นั้นอาจจะดูเป็นเรื่องที่ยาก เครื่องมือช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยมและมีเพียงหนึ่งเดียวนั้นมีในบริการของ uptopromo.comแต่อย่างไรก็ตามในการแข่งขันนั้นยอมจะมีการแนะนำวิธีการอื่นๆในการสร้างลิงค์ที่มีคุณภาพ
ยุทธวิธีในการวางบทความในหน้าเว็บเป็นทางเลือกที่ดี
     เราจะไม่ทำการสำรวจ SERP ทั้งหมดเพื่อเลือกผู้ให้บริการใส่ลิงค์ที่เราต้องการ แต่เราจะใช้เครื่องมือช่วยในการค้นหาและเลือกที่เกี่ยวข้องที่สุดกับสิ่งที่เราต้องการโปรโมทมากที่สุดซึ่งเป็นคำแนะนำจาก Google

ตัวอย่างเช่น: related:site.ru
เราจะไม่ทำการสำรวจ SERP ทั้งหมดเพื่อเลือกผู้ให้บริการใส่ลิงค์ที่เราต้องการ แต่เราจะใช้เครื่องมือช่วยในการค้นหาและเลือกที่เกี่ยวข้องที่สุดกับสิ่งที่เราต้องการโปรโมทมากที่สุดซึ่งเป็นคำแนะนำจาก Google

ตัวอย่างเช่น: related:site.ru
ดังนั้น เราต้องเตรียมรายชื่อผู้ให้บริการใส่ลิงค์ที่ต้องการและมีหัวข้อเกี่ยวข้องกันมากที่สุดกับเว็บไซต์ที่ต้องการทำโปรโมท สิ่งนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและได้รับการจัดอันดับที่ดีเมื่อค้นหาโดยเครื่องมือช่วยในการค้นหา
เมื่อ Google คำนวณหาค่าความเกี่ยวเนื่องกันผ่านอัลกอริธึมที่ซับซ้อน (ซึ่งข้อความลิงค์จะส่งผลดังกล่าว) โดยจะกำจัดเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพหรือเว็บใหม่ๆออกไป มีแต่นักพัฒนาเว็บไซต์ของท่านเท่านั้นที่จะช่วยเหลือได้
ดังนั้นควรทำเช่นไร? ง่ายๆเพียง นำคำใส่ในหัวข้อนั้น โดยเลือกหน้าในเว็บไซต์เหล่านั้นว่าหน้าไหนเหมาะกับคำค้นหาและมองหาหน้าที่มีผู้ให้บริการใส่ลิงค์เกี่ยวข้องมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามมีความจำเป็นที่ต้องมีการระบุหน้าที่เกี่ยวข้องและหน้าของคู่แข่ง

วิธีการจัดการที่กล่าวมานั้นสามารถใช้เป็นหนึ่งในวิธีเลือก ผู้ให้บริการใส่ลิงค์จากรายชื่อทั้งหมดเพื่อมองหาผู้ให้บริการใส่ลิงค์ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด
ในกรณีถ้าหากมีงบประมาณที่จำกัด จำเป็นที่จะต้องเลือกดอร์เนอร์ที่เหมาะสมที่สุดนั่นจากตัวเลือกที่เยอะมาก เราไม่ได้พูดเกี่ยวกับการซื้อลิงค์ราคาถูกจาก ผู้ให้บริการใส่ลิงค์เนื่องจากมีสแปมอยู่เยอะ แต่พูดถึงวิธีการเข้าถึงข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือด้วยตัวท่านเองเพื่อซื้อลิงค์ที่มีคุณภาพและมีทราฟฟิค
1. ผู้ให้บริการใส่ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในการสร้างความเชื่อถือ ซึ่งขึ้นอยู่กับหัวข้อของเว็บไวต์ ผู้ให้บริการใส่ลิงค์ที่มีความเกี่ยวข้องกัน
2. ทราฟฟิคของเว็บผู้ให้บริการใส่ลิงค์ ในปัจจุบัน ทราฟฟิคของผู้ให้บริการใส่ลิงค์นั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดคุณภาพและค่าของทรานส์เฟอลิงค์  (transferred links) ทราฟฟิค donor คือผลลัพธ์และเป็นตัวชี้วัดของเจ้าของเว็บไซต์ และในส่วนของการทำโปรโมท ก็เป็นปัจจัยในการสร้างความน่าเชื่อถือ

จำนวนการคลิกของลิงค์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทราฟฟิค และในกรณีที่ไม่มีทราฟฟิคก็จะไม่มีลิงค์และอื่นๆ และความน่าเชื่อถือจะต่ำลง
3. จำนวนหน้าในดัชนีหลักของ Google นี้เป็นส่วนประกอบตัวชี้วัดที่ดีที่สุด ซึ่งจะพิจารณาทั้งตัวเว็บไซต์ผู้ให้บริการใส่ลิงค์ และในแต่ละเพจ ที่มีลิงค์อยู่ ในการวิเคราะห์เว็บไซต์ ผู้ให้บริการใส่ลิงค์นั้นท่านสามารถใช้คำค้นหาดังต่อไปนี้ใน Google 
site:xxxxxxx.ru/& ลิงค์ที่มีความสำคัญ (link weight) นั้นจะเกิดจากหน้าเพจที่มีอยู่ในดัชนีหลัก คัดเลือกเพจจากดัชนีหลักและอื่นๆให้แน่ชัด หากมีลำดับที่ตกลงไปแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์กำลังมีปัญหา
site:xxxxxxx.ru – หน้าทั้งหมดใน Google
site:xxxxxxx.ru/& - จำนวนหน้าในดัชนีหลัก
ในขณะเดียวกัน บางท่านเชื่อว่าลิงค์จากเว็บไซต์ที่มีจำนวนหน้ามหาศาล (20k+) จะไม่ดี

4. จำนวนทั้งหมดของเว็บไซต์ ลิงค์ออก ซึ่งสามารถตรวจสอบบริการเพื่อความมั่นใจได้ที่: http://ahrefs.com และบริการอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน หากยิ่งมีลิงค์ออกที่น้อยก็จะยิ่งดี หากท่านสังเกตเห็นว่าหัวข้อมีความแตกต่างปะปนกันหรือพบสแปมในเว็บไซต์ ให้ท่านหลีกเลี่ยงการใช้ลิงค์จากเว็บไซต์ดังกล่าว  

5. อัตราส่วนของลิงค์เข้าและออกในเพจ
ลิงค์ในเว็บไซต์ของท่าน ลิงค์ออกจะต้องมีเพียงหนึ่งลิงค์ในแต่ละหน้า 
อาจจะมีลิงค์เข้าจากภายนอกไปยังเพจของผู้ให้บริการใส่ลิงค์ซึ่งท่านอาจจะทำการหาลิงค์ ที่เหมาะสมได้ง่ายๆโดยดูจากหน้า PR แต่วีธีดังกล่าวนั้นการทำลิงค์ใหม่จะต้องทำอย่างเหมาะสม

       ท่านสามารถตรวจสอบจำนวนของลิงค์เข้าในบริการเช่น http://ahrefs.com ท่านจะต้องเข้าถึง ผู้ให้บริการใส่ลิงค์ ที่มีคุณภาพโดยใช้การพิจารณาของท่านเองและจากการทดลอง ซึ่งจะถูกแปรผันไปตามหัวข้อ ภูมิภาคและข้อมูลต่างๆ

10.เทคโนโลยีการกระจายข้อความลิงค์

10.เทคโนโลยีการกระจายข้อความลิงค์

    คุณสามารถใช้เทคโนโลยีการกระจายข้อความลิงค์ได้หลากหลายรูปแบบ อันดับแรกเราต้องเข้าใจว่าโดยทั่วไปแล้วข้อความลิงค์จะถูกกระจายอย่างไร หลังจากGoogle ได้ทำการแนะนำแพนด้า(Panda) และเพนกวิน (Penguin) เว็บมาสเตอร์ทั้งหลายเริ่มได้รับข้อความใน Google Webmaster ของพวกเขาว่าพวกเขามีลิงค์ที่ไม่เป็นธรรมชาติและจำเป็นต้องลบลิงค์เหล่านั้นออกและหากไม่สามารถลบลิงค์เหล่านั้นออกไปได้ต้องทำการแจ้งGoogle หลังจากนั้นนักเพิ่มประสิทธิภาพทั้งหลายเริ่มใช้การกระจายข้อความลิงค์และใช้วิธีการแปลกมากขึ้น
     วิธีที่แน่นอนที่สุดในการลด link weight และลดความสำคัญของข้อความลิงค์และการเติบโตของความเข้ากันได้ของ “หน้าเว็บผู้ให้ - หน้าเว็บผู้รับ” ดังนั้นคำพ้องความหมายสามารถใช้ในการกระจายข้อความลิงค์หลักใน Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Google เองได้ประกาศไว้ในบล็อกแล้ว
       นอกจากนี้การเรียบเรียงถ้อยคำหรือคิดคำหลากหลายประเภทจะเป็นผลดี ซึ่งปัจจุบันความน่าเชื่อถือและความเกี่ยวข้องสอดคล้องนั้นสำคัญกว่าตัวข้อความของลิงค์เพียงอย่างเดียว
        เพื่อโปรโมทข้อความของลิงค์คำว่า “Construction brick”  โดยกระจายออกเป็น “Brick for construction” และ “Construction bricks” จะเหมือนกับการกำหนดคำอื่นๆ
    เราจะบอกสิ่งที่คุณต้องให้ความสนใจกับการกระจายกลุ่มข้อความลิงค์ใน Google คือไม่ว่าจะเป็นชื่อหน้าเว็บและอะไรก็ตามที่รวมอยู่ในแท็ก H1...H4 จะต้องนำไปใช้เป็นข้อความของลิงค์หรือโครงสร้างเนื้อหาอื่นๆที่อยู่ในหน้าเว็บ อย่าลืมว่าห้ามทำการโปรโมทข้อความของลิงค์ โดยใช้ URLพร้อมกับhttpในเนื้อหาเช่นเดียวกับการใช้ URLเป็นข้อความของลิงค์

*** คำเตือน
       เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกรองโดยเพนกวิน เปอร์เซ็นต์ของคีย์เวิร์ด + ข้อความที่มีลิงค์ ควรที่จะเป็นลิงค์แบบธรรมชาติ ต้องมากกว่า 50% 
       ดังนั้นเราจำเป็นต้องทำการกระจายข้อความของลิงค์หลักๆอย่างฉลาดและครอบคลุมเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกรองออก แทนการซื้อลิงค์ 1,000 ลิงค์พร้องข้อความหลัก และการลบเว็บไซต์หรือหน้าเว็บออกจากตัวกรองก็ยากกว่าการทำกลยุทธ์การสร้างลิงค์ 
     หากคุณยังมีปัญหาในการโปรโมทข้อความของลิงค์โดยค้างอยู่ที่หน้าเว็บหน้าที่ 2-3 และไม่มีความคืบหน้าใดๆแม้จะมีลิงค์ที่ซื้อไว้แล้วจำนวนมากก็ตาม นั่นหมายความว่าเสิร์ชเอนจินยังไม่เชื่อถือเว็บไซต์ของคุณว่ามีเนื้อหาหรือข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าขั้นตอนต่อไปในการโปรโมทก็คือการเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ในส่วนที่ต้องการโปรโมท หรือเรียกได้ว่าเราจำเป็นต้องพัฒนาระดับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

9. การเลือกข้อความของลิงค์ (anchor) และกลยุทธ์การโปรโมทสำหรับการสร้างลิงค์ในเสิร์ชเอนจินต่างๆ

9. การเลือกข้อความของลิงค์ (anchor) และกลยุทธ์การโปรโมทสำหรับการสร้างลิงค์ในเสิร์ชเอนจินต่างๆ

กลยุทธ์สมัยใหม่ในการโปรโมทโปรเจคเชิงรุกใน Google มีความแต่งต่างอย่างมากขึ้นอยู่ว่าเป็นตลาดภายนอกหรือภายใน และเทคโนโลยีการโปรโมทในแต่ละภูมิภาค (หรือประเทศ) ก็จะต้องแตกต่างเช่นเดียวกันเว็บไซต์นี้เป็นบริการที่น่าสนใจมาก http://thaiseowords.com


กลยุทธ์การสร้างลิงค์สำหรับ Google นั้นจะค่อนข้างแตกต่างระหว่างประเทศไทย (การโปรโมทใน google.co.th) และ ประเทศฝั่งยุโรปและอเมริกา (google.us, google.co.th, และอื่นๆ) ดังนั้นหากคุณทำงานเกี่ยวกับการโปรโมทเว็บไซต์สำหรับโปรเจคที่ต้องการทราฟฟิคต่างชาติใน Google กลยุทธ์การโปรโมทควรเป็นไปตามนี้: 

เดือนที่ 1 – เราจะทำการป้องกันการตกอันดับของโดเมน (เมื่อเทียบกับโดเมนอื่นในประเภทเดียวกัน) ด้วย link weight (เพื่อความแน่ใจควรตรวจสอบคุณภาพของดรอปโดเมน หรือ dropped domain – โดเมนที่ไม่ได้รับการต่ออายุโดยเจ้าของเก่าซึ่งโดเมนยิ่งเก่ายิ่งมีผลดีกับการทำ seo) แล้วติดตั้งหน้าเว็บเพจ 3-5 หน้า กับโดเมนนั้นแล้วรอจนกว่าหน้าเว็บเหล่านั้นจะได้รับการอินเด็กซ์แล้วสร้าง 301 redirect 


เดือนที่ 2 – เราจะทำกลยุทธ์นี้ซ้ำโดยการติดตั้งหน้าเว็บ (4-5 หน้า) ใส่บทความ 5-10 บทความ หรือ ลิงค์ที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยลิงค์ภายนอก 1 ลิงค์ในรูปแบบของแบรนด์ 


เดือนที่ 3 – เราจะทำการวางบทความ 10-15 บทความลงในแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยลิงค์ขาออก (outgoing link) 1 ลิงค์ในรูปแบบของแบรนด์  (70%), HF – 10%, MF และ LF – 20%


เดือนที่ 4 – เราจะวางบทความ 15-20 บทความในแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยลิงค์ขาออก (outgoing link) 1 ลิงค์ในรูปแบบของแบรนด์  (60%), HF – 20%, MF และ LF – 20%


เดือนที่ 5 -  เราจะวางบทความ 20-25 บทความในแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยลิงค์ขาออก (outgoing link) 1 ลิงค์ในรูปแบบของแบรนด์ (55%), HF – 20%, MF และ LF – 20%, diluted and natural anchors - 5%


เดือนที่ 6 -  เราจะวางบทความ 25-30 บทความในแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยลิงค์ขาออก (outgoing link) 1 ลิงค์ในรูปแบบของแบรนด์ (50%), HF – 20%, MF และ LF – 20%, ข้อความลิงค์แบบกระจายและแบบธรรมชาติ - 10%


ข้อควรสังเกตุ
ไม่ว่ากรณีใดๆจำนวนลิงค์ในรูปแบบของแบรนด์ ข้อความลิงค์แบบกระจายและแบบธรรมชาติในรายการข้อความลิงค์ของโปรเจคของคุณต้องต่ำกว่า 50% 


หากเราพูดถึงกลยุทธ์การโปรโมทเว็บไซต์สำหรับประเทศไทย ระบบ uptopromo.com จะตระหนักถึงกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการสร้างลิงค์อัตโนมัติ

8. บริการเสริมสำหรับการประเมินข้อความของลิงค์ (anchor) และผู้ชม

 8. บริการเสริมสำหรับการประเมินข้อความของลิงค์ (anchor) และผู้ชม

มีบริการมากมายที่สามารถช่วยประเมินความสำคัญข้อความของลิงค์ (anchor) และความเหมาะสมของพวกมันในการใช้งานสำหรับการโปรโมทเว็บไซต์
1. การประเมินคำค้นหาตามฤดูกาล 
เราสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากบริการ Google's trends:   

เราสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากบริการ Google's trends: http://www.google.com/trends


ตัวอย่างเช่น: เราจะพิจารณาคำว่า “construction brick”

ตามที่คาดไว้ว่าความนิยมของคำค้นหาคำนี้ลดลงโดยเฉพาะในช่วงปลายปี (เป็นสาเหตุทำให้ทราฟฟิคที่เกี่ยวข้องลดลงเช่นกัน) และความนิยมจะเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี ในขณะเดียวกันทราฟฟิคของคำนี้ยังคงตัวเป็นระยะเวลาหลายปี

โดยทั่วไปแล้วมีบริการต่างๆมากมายที่ใช้สำหรับการประเมินเทรน ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปทางตลาดฝั่งตะวันตก:

2. ผู้ชมสามารถถูกประเมินได้ด้วยความช่วยเหลือของบริการต่อไปนี้: 


การประเมินเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้:
   1. เว็บไซต์สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไรและปัญหาที่ผู้ใช้งานพบจะได้รับการแก้ไขหรือไม่?  
   2. ควรจะใช้คีย์เวิร์ดอะไรเพื่อแก้ไขปัญหา? 
   3. ควรใช้เนื้อหาแบบไหนดี?  

   4. วิธีไหนคือวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างรายได้จากเว็บไซต์?

7. บริการเสริมสำหรับการเลือกข้อความของลิงค์

 7. บริการเสริมสำหรับการเลือกข้อความของลิงค์

ปัจจุบันมีบริการเสริมต่างๆมากมายที่ใช้งานควบคู่กับเครื่องมือค้นหาหรือเสิร์ชเอนจินและสถิติคำค้นหาอย่างAdwords ซึ่งช่วยเก็บรวบรวมข้อความของลิงค์ได้เราจะมาพูดถึงข้อดีโดยรวมของบริการเหล่านี้     

เว็บไซต์นี้เป็นบริการที่น่าสนใจมาก http://thaiseowords.com


บริการนี้จะช่วยเก็บรวบรวมข้อความของลิงค์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า Google แนะนำอะไร เพื่อทำความเข้าใจว่า Google จะแนะนำอย่างไร กรุณาดูที่รูปภาพด้านล่างนี้

คุณจะเห็นได้ว่าบริการนี้ได้ทำการเพิ่มตัวอักษรเพื่อเพิ่มจำนวนคำแนะนำ




บริการประเภทนี้ไม่เพียงแต่ทำการแนะนำเว็บไซต์เพียงอย่างเดียวแต่ยังทำการแนะนำผลการค้นหาประเภทอื่นเพิ่มเติม เช่น วิดีโอ รูปภาพ ข่าว เป็นต้น



บริการนี้ช่วยในการสร้างคำค้นหาแบบยาวให้ง่ายและสะดวกขึ้นนอกจากนี้เรายังมีรีวิวการใช้บริการนี้สำหรับตอนที่เว็บไซต์ต้องการทราฟฟิคเช่นนี้ บริการสำหรับรวบรวมคีย์เวิร์ดต่อไปคือ wordstat ของ Youtubehttps://ads.youtube.com/keyword_tool

และยังจะช่วยรวบรวมและประเมินทราฟฟิคของวิดีโอในการสร้างคีย์เวิร์ด และยังมีประโยชน์ต่อเราเช่นกัน ทางเราจะพิจารณาเพิ่มเติม


มีเคล็ดลับง่ายๆในการใช้บริการนี้ ในการรวบรวมคีย์เวิร์ดจากคำค้นหาเบื้องต้นนั้น เราสามารถทำได้ดังนี้

1. เราจะสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดแรกที่มีทราฟฟิคดีๆ เช่น เราจะใช้คีย์เวิร์ดว่า “วิธีกลายเป็นนางฟ้า”



2. เราจะตรวจสอบผลการค้นหาของ YouTube แล้วเลือกและบันทึก URL ของวิดีโออันดับต้นๆของ YouTube

3. วาง URL ลงในwordstat ของYouTube ทีละลิงค์และรวบรวมคีย์เวิร์ดโดยที่วีดีโอเหล่านี้จะถูกเหล่านี้จะถูกจัดอันดับ หลังจากนั้นเราจะดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 พร้อมกับรายการคีย์เวิร์ด 



ดังนั้นเราจะได้คำค้นหา LF จำนวนมากซึ่งเราจะไม่สามารถได้รับและเชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ดขั้นต้นด้วยวิธีการธรรมดาทั่วไป


เราสามารถใช้บริการต่อไปนี้ในการรวบรวมคีย์เวิร์ดจากแหล่งข้อมูลต่างๆ

-  http://actualkeywords.com/ 
-  http://www.keyworddiscovery.com/search.html


และ Wordstat อีกหนึ่งประเภท เช่น เครื่องมือคีย์เวิร์ดของ google: https://adwords.google.com/ 



และที่นี่คุณสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Bing เพื่อประมวลผลคีย์เวิร์ด: http://advertise.bingads.microsoft.com/en-us/bingads-downloads/bingads-intelligence


และอย่าลืมประเมินผลการรวบรวมคีย์เวิร์ด

6. เทคโนโลยีการสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลัก

6. เทคโนโลยีการสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลัก

เราขอเริ่มเข้าสู่เรื่องการสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลักของพวกเรา ปัจจุบันนี้เราต้องพิจารณาถึงหัวข้อของเว็บไซต์นั้นๆและเลือกคีย์เวิร์ดหลักให้สอดคล้องตามหัวข้อหรือประเภทของเว็บไซต์ ในทางเทคนิคแล้วการสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลักนั้นต้องประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญต่อไปนี้:

  •        การรวบรวมคำค้นหาให้ได้จำนวนมากที่สุด 
  •        การเคลียร์คีย์เวิร์ดที่ไม่จำเป็นออก 
  •        การตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่ไม่ได้ใช้งาน 
  •        การจัดกลุ่มโดยใช้เพจของโปรเจค 

การรวบรวมคำค้นหาให้ได้จำนวนมากที่สุด



ขั้นตอนแรกนี้เป็นขั้นตอนที่เชื่อกันว่าเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนมากที่สุด ตัวอย่างเช่น wordstat จะให้เพียงคำค้นหาจำนวนน้อยซึ่งเป็นคำค้นหาหลักและสอดคล้องมากที่สุดเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงต้องใช้คำเหล่านั้น

การรวบรวมคีย์เวิร์ดจะมีให้ในบริการดังต่อไปนี้: adwords.comhttp://thaiseowords.comhttp://uptopromo.com


ที่นี่คุณสามารถค้นหาคำแนะนำในการทำการค้นหาคีย์เวิร์ดและรวบรวมคำไว้ได้:http://uptopromo.com/th/keywords


คีย์เวิร์ดต่างๆจะถูกรวบรวมมาจากสถิติของ Google Analytics และตัวนับอื่นๆซึ่งมีการประยุกต์ใช้ในเว็บไซต์คู่แข่งของคุณที่มีสถิติเปิดและอื่นๆ สิ่งสำคัญ: จำเป็นต้องใช้ทั้งเว็บไซต์ของคุณเองและเว็บไซต์ของคู่แข่ง



นั่นคือหนึ่งในบริการที่กล่าวถึง http://truehits.net/let/

นอกเหนือจากนี้แล้ว เรายังสามารถแนะนำคุณหากคุณต้องจัดการกับการวิเคราะห์คำค้นหา – โดยการแฮ็กสถิติtruehits.netGoogle analytics หรือจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ที่ทุจริตของเว็บไซต์นั้น หรือหาสถิติเปิดของคำค้นหาที่ติดตั้งในโฮสต์ (!!!) - Webalizer, Avstat, WebLog Expert - ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณ 


อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความละเอียดและความสมบูรณ์ของการสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลัก


การเคลียร์คีย์เวิร์ดที่ไม่จำเป็นออก



ขั้นตอนที่ 2 –  เราจะทำการเคลียร์คีย์เวิร์ดที่ไม่จำเป็นออกโดยการลบคีย์เวิร์ดที่มีสแปมหรืออื่นๆออกไป เราสามารถใช้โปรแกรม Excel โดยคัดลอกและวางคีย์เวิร์ดลงในนั้นแล้วสร้างตัวกรองอัตโนมัติซึ่งทำหน้าที่กรองคำสแปมและลบออก

คีย์เวิร์ดที่ไม่จำเป็น คือ คีย์เวิร์ดที่ไม่มีประสิทธิภาพซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบ [คีย์เวิร์ด] (คำหรือวลีที่อยู่ในวงเล็บใหญ่) จะแสดงจำนวนการชมในตัวประเมินค่าทราฟฟิคที่น้อยมาก -  Google Adwords TrafficEstimator (เราตั้งราคาไว้ที่ 10,000 บาทต่อคลิก และงบประมาณรายวัน เพื่อให้ได้จำนวน “การเข้าชมโฆษณา” สูงสุดอยู่ที่ 100,000 บาทต่อวัน) การดำเนินการนี้จะใช้ได้กับคีย์เวิร์ดที่ได้รับการวิเคราะห์จากบริการต่างๆแล้วเท่านั้นและไม่ใช่คีย์เวิร์ดที่มีค่าทราฟฟิคจริงซึ่งนำมาจากสถิติ


ตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่ไม่ได้ใช้งาน



ขั้นตอนที่ 3 - เราตรวจสอบที่มาของคีย์เวิร์ด โดยการนำคีย์เวิร์ดเหล่านั่นมาใส่ในวงเล็บใหญ่ หรือยกคำนั่นมาประเมินทราฟฟิคโดยใส่เครื่องหมายคำพูดไว้ด้านหน้าคำเหล่านั้น - Google Adwords TrafficEstimator (ราคาที่กำหนด  10,000 บาทต่อคลิก และงบประมาณรายวันเพื่อให้ได้จำนวน “การเข้าชมโฆษณา” สูงสุดอยู่ที่ 100,000 บาทต่อวัน) 


ตัวอย่างเช่น โชว์รูมรถยนต์ในกรุงเทพฯ [โชว์รูมรถยนต์ในกรุงเทพฯ] 



ในขั้นตอนนี้ เราจะลดจำนวนคำค้นหาที่ไม่ได้ใช้งาน และไม่มีผลต่อทราฟฟิค คำค้นหาที่ไม่มีการใช้งานในเครื่องมือสืบค้นจะต้องถูกกำจัดออกไป 



เราควรจะตั้งค่าจำนวนการเข้าชม หากเราทราบว่าคำที่มีการใช้งานมากจะมีผลดีต่อการโปรโมท เช่น ครอบคลุมผู้ชมหลักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการไม่ไปสนใจคำที่มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนจำนวนน้อย


การจัดกลุ่มโดยใช้เพจของโปรเจค



ในขั้นตอนที่  4 เราจะเชื่อมคำค้นหาแต่ละคำโดย “ขายเพจของเว็บไซต์”โดยการโปรโมทเพจดังกล่าวด้วยคำค้นหาสำหรับเพจนี้ โดยใส่ลิงค์ภายนอกไปยัง HF และทำการโปรโมท LF โดยการใส่ลิงค์ภายในอีกครั้ง และใช้โซเชียลมีเดียในการเลือกเพจที่จะเข้าไปชม มีกฎสองข้อดังต่อไปนี้

ขั้นตอนแรก ลดจำนวนคำค้นหาที่ใช้สำหรับโปรโมทในแต่ละเพจลง โดยไม่สามารถมีได้หลายเพจแต่สามารถมีหลายคำค้นหาได้ ดังนั้นหากคุณตัดสินใจที่จะเพิ่มจำนวนคำโปรโมทและยังไม่มีเพจที่เหมาะสม  อย่าพยายามดึงคีย์เวิร์ดมาจากเพจเหล่านั้น แต่คุณควรสร้างเพจใหม่ 


ขั้นตอนที่สอง ผู้ชมจะต้องมีความมั่นใจเมื่อเข้าไปยังเพจว่าเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์อะไร โดยเราจะสร้างคีย์เวิร์ดจากเพจและจากกลุ่มของคำค้นหา เราต้องระบุในส่วนของคำสืบค้นของ HF ซึ่งเป็นกลุ่มคำหลัก และเชื่อมคำค้นหารองจากคำค้นหาหลัก ขั้นตอนนี้ต้องมีการตรวจสอบการพัฒนาเว็บไซต์ จำนวนผู้ชมที่เพิ่มขึ้น ตัวแปลภายนอกและอื่นๆ โดยขอเน้นย้ำว่า  - เราสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลักเพื่อ 2 จุดประสงค์คือ 


  •        การเพิ่มประสิทธิภาพแบบ On-page 
  •        การสร้างข้อความในลิงค์ สำหรับเพจในเว็บไซต์ (การสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลักจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยสร้างไปยังแต่ละหน้าของเนื้อหา)



ในกลุ่มนั้นจะประกอบไปด้วยหนึ่งหรือหลายๆข้อความหลักที่อยู่ในลิงค์ (คีย์เวิร์ด HF หรือ MF) และหลายๆคีย์เวิร์ดจากกลุ่มข้อความรองในลิงค์ (คีย์เวิร์ด LF)

5. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกลุ่มคีย์เวิร์ดหลักและคำค้นหาแบบละเอียด

5. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกลุ่มคีย์เวิร์ดหลักและคำค้นหาแบบละเอียด

การที่คุณรู้ว่าคู่แข่งของคุณทำอะไร อย่างไรก็หมายความว่าคุณได้โปรโมทสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว  การเข้าใจถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่คุณกำลังจะเข้าไปมีส่วนร่วมนั้นคือเส้นทางที่จะพาคุณไปสู่อันดับต้นๆของเสิร์ชเอนจิน การทำSEO นั้นจะเริ่มต้นกับวิธีการพื้นฐานทั่วไปและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเว็บไซต์จะช่วยทำให้มีอันดับที่สูงขึ้นในผลลัพธ์การค้นหา การดำเนินการง่ายๆกับองค์ประกอบของหน้าเว็บจะมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น  การเพิ่มคำบางคำลงในหน้าเว็บจะช่วยปรับอันดับในผลการค้นหาให้สูงขึ้นและนอกจากนี้อาจซ่อนอยู่ส่วนที่มองไม่เห็น
วันนี้เราจะมาพิจารณาถึง การสำรวจSEO ขั้นต่ำทีซึ่งต้องดำเนินการก่อนการสร้าง/โปรโมทเว็บไซต์ใดๆ หลายปีนี้ความเข้าใจของเอกสารที่เกี่ยวข้องได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสิร์ชเอนจินพยายามให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงมากที่สุดและเดาความคาดหมายของผู้ใช้โดยใช้หลักการทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วย 
กระบวนการทำ SEO ทั้งหมด และตำแหน่งการตรวจสอบคีย์เวิร์ดจะแสดงในแผนภาพ





กลุ่มคีย์เวิร์ดหลัก (semantic kernel) หมายถึง คำสำหรับใช้ในการค้นหาที่สอดคล้องกับหน้าเว็บ “การขาย” ในเว็บไซต์ซึ่งจะทำให้มีผู้เยี่ยมชมจากเสิร์ชเอนจินเข้ามายังเว็บไซต์และบุคคลเหล่านั้นจะกลายเป็นลูกค้าของคุณ

การสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลัก (semantic kernel) เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการโปรโมทเว็บไซต์ ช่วงแรกอาจดูเหมือนว่าเทคโนโลยีการเลือกคีย์เวิร์ดนั้นง่ายแต่ความจริงแล้วไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพส่วนมากทำงานผิดพลาดขั้นวิกฤตในขั้นตอนนี้ จริงๆแล้วในขั้นตอนการเลือกและการตรวจสอบคำค้นหาเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอาจใช้เวลาทำงานหลายวัน
ดังนั้นการสร้างกลุ่มคีย์เวิร์ดหลักเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการออกแบบเว็บไซต์ เคล็ดลับในการประสบความสำเร็จนั่นก็คือการเลือกคำค้นหาใน “การขาย” ที่สามารถดึงดูดผู้เยี่ยมชมที่สามารถเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้
เราขอย้ำข้อเท็จจริงทั่วไปที่ว่า คำค้นหาที่มีการแข่งขันสูง(MF) เป็นสาเหตุของการค้นหาที่มีความถี่ต่ำ และจากสถิติถึงแม้ว่าจะมีคำค้นหา HF ในอันดับที่ 1 ก็จะนำทราฟฟิคมาสูงสุดเพียง 30 %



มีงานวิจัยและงานทดลองหลากหลายเกิดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ด้านล่างนี้เป็น Google และ  Bing heatmap (แผนภาพคลิก)














ค่าเฉลี่ยของคำค้นหาโดยดูได้จากสถิติด้านล่างข้อควรสังเกตุ
ลำดับที่ 1 - 29%

ลำดับที่ 2 - 19% 

ลำดับที่ 3- 13% 

ลำดับที่ 4 - 9% 

ลำดับที่ 5 - 7%




......

ลำดับที่ 10 - 4%

คุณจะเห็นว่าการได้อยู่ในลำดับที่ 1 ไม่เพียงพอที่จะทำให้เป็นผู้นำได้เพราะจำเป็นต้องมีจำนวนทราฟฟิคที่เพียงพอด้วย โดยคุณต้องทำดังต่อไปนี้ เป็นเจ้าของเว็บไซต์สนับสนุน โดยทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นอันดับได้ยากขึ้นเป็นสามเท่าหรือพยายามขยายคำค้นหาเป็น MF และ LF



โปรดทราบ: ถึงแม้คุณจะได้ตำแหน่งทั้งหมดใน 10 อันดับแรก คุณจะได้รับเปอร์เซ็นต์ของทราฟฟิคแค่เพียงบางส่วนเท่านั่น – ซึ่งจะกล่าวถึงในช่วงต่อไป!




กลยุทธ์การค้นหาแบบละเอียด



จากผลการวิจัย ซึ่งยืนยันถึงจำนวนเนื้อหาที่จำเป็นสูงสุดในเว็บไซต์ ซึ่งเป็นส่วนหลักของคำค้นหาและไม่ได้อยู่ในหน้าเว็บ “การขาย”

เราจะยกตัวอย่าง หากท่านมี 100 หน้า ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 1 โดย คำค้นหา 1000 HF หรือ MF จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าท่านจะเสียทราฟฟิคที่เกี่ยวข้องและมีประโยชน์ถึง 90%
คำหลัก ติดอันดับ 100: 5.7% ของทราฟฟิคทั้งหมด 
                                                คำหลัก ติดอันดับ 500: 8.9% ของทราฟฟิคทั้งหมด
                                              คำหลัก ติดอันดับ 1,000: 10.6% ของทราฟฟิคทั้งหมด
                                             คำหลัก ติดอันดับ 10,000: 18.5% ของทราฟฟิคทั้งหมด






คำค้นหาแบบละเอียดที่หายไปสามารถสร้างได้โดยวิธีการดังต่อไปนี้ กลุ่มคีย์เวิร์ดหลักได้ถูกสร้างขึ้น เราจะนำคำจากเครื่องมือในการช่วยค้นหาคำเหล่านั้น โดยคัดเลือกคีย์เวิร์ดที่ต้องการ + คำทางด้านซ้ายของการค้นหา+ คำทางด้านขวาของการค้นหา + 2 คำจากด้านซ้ายและอื่นๆ

ด้วยหลักการเดียวกันนี้ได้ถูกนำมาใช้ในเว็บไซต์ โดยรวบรวมคำวลีรวมถึงคีย์เวิร์ด

ระบบของ UpToPromo.com อนุญาตให้เลือกคีย์เวิร์ดสำหรับเว็บไซต์ของคุณเอง หลังจากที่โปรเจคได้ถูกเพิ่มลงในระบบ คุณจะสามารถเตรียมคีย์เวิร์ดที่จะใช้ในการโปรโมทเว็บไซต์ของคุณโดยมีเครื่องมือช่วยคัดเลือกคีย์เวิร์ดคอยช่วยเหลือ

4. กลุ่มข้อความของลิงค์ในยุคตัวกรอง Penguin ของ Google

 4. กลุ่มข้อความของลิงค์ในยุคตัวกรอง Penguin ของ Google 

วันที่ 25 เมษยน 2555 Google ได้เปิดตัววิธีการกรองใหม่ซึ่งเรียกว่า  Penguin การเปิดตัวครั้งนี้ เป็นที่น่าตกใจในหมู่โปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ซึ่งเทคโนโลยีการสร้างลิงค์ล้มเหลวในการใช้งานมาเป็นระยะเวลาหลายปี, เว็บไซต์จำนวนมากจะหยุดใช้งานและเงินที่ลงทุนไปกับการซื้อน้ำหนักลิงค์ก็จะสูญเปล่า คนส่วนมากจะพูดกันว่านักเพิ่มประสิทธิภาพชาวตะวันตกทั้งหลายถึงกับต้องฆ่าตัวตายกันเลย


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะมีความลึกลับและมีการคาดเดาต่างๆนาๆหรือความวิตกกังวลต่อนักวิเคราะห์ระบบ การกรองเหล่านั้นมีผลกระทบเฉพาะกับเว็บไซต์เท่านั้น ซึ่งมีการใช้งานผิดที่ของคีย์โดยรวมเป็นคีย์เพื่อการค้า ในกลุ่มข้อความในลิงค์ของเขา และ ไม่ได้สนใจปรับข้อความในลิงค์อย่างถูกต้อง


ถ้าจะพูดถึง คีย์เพื่อการค้า เราจะหมายถึงทราฟฟิคจะสร้างและประมวลผลผู้เข้าชม นั้นคือ ยิ่งทราฟฟิคสร้างและประมวลผลมากเท่าใดในกลุ่มข้อความในลิงค์ของคุณ จะมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของคุณได้ซื้อน้ำหนักลิงค์ที่เหมาะสมกับการกรองและจะสามารถปรับเข้ากับPenguinได้


ตัวอย่างเช่น Penguin ไม่ได้ถูกกำจัดไปจากสแปมเว็บไซต์ นั่นหมายความว่าการขายลิงค์ในลิงค์หนึ่งๆจะไม่ถูกแบนโดย Penguin ถ้าหากได้ทำการคัดเลือกแล้ว ตัวกรองจะทำการสุ่มข้อความของลิงค์ในเว็บไซต์ของท่าน อย่างไรก็ตามโปรเจคก็อาจจะถูกทำการคัดกรองลิงค์ด้วยตัวกรองอื่นๆได้เช่นกัน


ข้อควรสังเกตุ
ดังนั่นจึงสรุปได้ว่า ข้อความในลิงค์จะใช้งานในเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคีย์เวิร์ดหลักจะถูกนำไปใช้กับเว็บไซต์หรือธีมที่สอดคล้องกันเท่านั่น


ปัจจุบัน รายชื่อข้อความในลิงค์จะถูกจัดแสดงดังต่อไปนี้:

  •        “เพื่อการค้า” HF(high frequent) – 5-10% จากหัวข้อในเว็บไซต์ที่มีความสอดคล้องกันสูงสุด
  •        “เพื่อการค้า” MF(medium frequent) และ LF(low frequent) – 15-20% จากหัวข้อในเว็บไซต์ที่มีความสอดคล้องกัน
  •        แบรนดิ่ง – 20-25% จากหัวข้อในเว็บไซต์ที่มีความสอดคล้องกัน
  •        การปรับข้อความในลิงค์ LF และ MF – 20% จากหัวข้อในเว็บไซต์ที่ใกล้เคียงหรือมีความสอดคล้องกัน
  •        ไม่มีข้อความในลิงค์ (ที่นี่/ที่นั่น/ใต้ลิงค์) – 30% จากหัวข้อในเว็บไซต์ที่เกือบใกล้เคียง

ถ้าหากเว็บไซต์ของท่านมีลิงค์เหล่านั้นโดยเฉพาะเมื่อรวมกันแล้วจะส่งผลเสียให้โปรเจคหรือโปรเจคอาจได้รับข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ทราฟฟิคลดลง อันดับตก เป็นต้น

โปรโมรชั่นจะถูกจัดทำอย่างต่อเนื่องโดยจะมีการคัดเลือกเว็บไซต์หรือบทความที่มีความเหมาะสม หัวข้อของบทความจะต้องเหมาะกับข้อความในลิงค์ ค่าที่เหมาะสมทีสุดคือ 1 ลิงค์จากหนึ่งบทความหรือไม่เกินกว่า 4-6 ลิงค์ในหนึ่งเว็บไซต์

ไม่มีประโยชน์อะไรที่ระบบ UpToPromo จะเข้าไปยุ่งในขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยากพื่อการซื้อลิงค์มาใช้ในการโปรโมทเว็บไซต์ ซึ่งเราเองได้มีการพัฒนาเพื่อทำให้ประสบผลสำเร็จสูงสุด

3. วิธีสังเกตว่าเป็นOrganic หรือ ไม่เป็นOrganic link

 3. วิธีสังเกตว่าเป็นOrganic หรือ ไม่เป็นOrganic link 

ทางเว็บมาสเตอร์อาจจะได้รับอีเมลล์แจ้งเตือนว่าได้ทำลิงค์ที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือทำสแปมโดยเนื้อหาโยงมาที่เว็บมาสเตอร์ แต่กว่าที่อีเมลล์จะส่งแจ้งเตือนมาก็อาจจะสายไปเสียแล้ว เนื่องจากอันดับและทราฟฟิคของเว็บไซต์ต่ำลงอย่างชัดเจน 
เราต้องยอมรับว่าการโปรโมทเว็บไซต์โดยใช้ลิงค์ในประเทศไทยยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก นี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อนำมาใช้คู้กับ SEO จึงได้ประสิทธิผลที่มากว่ายุโรปและอเมริกา
อะไรที่ไม่ใช่Organic link?:
  •       การแลกเปลี่ยนลิงค์ระหว่างเว็บไซต์
  •       ลิงค์ที่มาจากเว็บไซต์สแปม 
  •       สแปมบนคอมเม้นท์ฟอรั่ม และ หน้าแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ต่างๆ
  •       ลิงค์จากไดเรกทอรี่ต่างๆ
  •       การแลกเปลี่ยนลิงค์อัตโนมัติ และ/หรือ การแลกเปลี่ยนลิงค์ที่ไม่มีการกลั่นกรอง
  •       ลิงค์ที่ได้จากการจัดการชื่อเสียง (เมื่อมีบริษัทหรือแบรนด์ต่างได้รับคอมเม้นท์แง่ลบ บริษัทเหล่านั้นจะถูกลบออกจากอันดับท็อปใน Google ด้วยเทคนิคหลายรูปแบบ)
  •       กลยุทธ์และวิธีการบิดเบือนในรูปแบบต่างๆ
ถ้าหากเว็บไซต์ของท่านมีลิงค์เหล่านั้นโดยเฉพาะเมื่อรวมกันแล้วจะส่งผลเสียให้โปรเจคหรือโปรเจคอาจได้รับข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ทราฟฟิคลดลง อันดับตก เป็นต้น


Organic link – ลิงค์ที่ได้รับจากผู้เยี่ยมชมและผู้อ่านของโปรเจคจริงๆ โดยปกติลิงค์เหล่านี้จะอยู่ใน  ข้อความของURL เว็บไซต์ชื่อบทความโดยอ้างอิงไปยังคีย์เวิร์ดเหล่านี้ “ที่นั่น”, “ในเว็บไซต์”, “โดยลิงค์ หรือชื่อเว็บไซต์ธรรมดา

 คุณสมบัติที่โดดเด่นของลิงค์เหล่านี้คือ เจ้าของโปรเจคจะไม่สามารถรับลิงค์หรือได้รับลิงค์ยาก

 ข้อความของลิงค์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์และการเงินเป็นคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการแข่งขันกันระหว่างเครื่องมือโปรโมทเว็บไซต์ คีย์เวิร์ดเหล่านี้จะนำมาซึ่งกำไรและสามารถเปลี่ยนแปลงจากหัวข้อนึงไปยังอีกหัวข้อนึงได้ 

 คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:
  •       มีคีย์เวิร์ดที่มีความถี่สูงหรือปานกลางสร้างในเสิร์ชเอนจินตามลำดับความสำคัญของคำขอ
  •       เครื่องมือโปรโมทจะแข่งขันกันในคีย์เวิร์ดเหล่านี้เพื่อให้จำนวนของลิงค์ที่มีข้อความเหล่านี้ปรากฎในอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากผิดปกติ เมื่อเสิร์ชเอนจินสามารถพิจารณาได้โดยอัตโนมัติว่าคีย์เวิร์ดใดเป็นคีย์เวิร์ดออร์แกนิคและคีย์เวิร์ดใดเป็นคีย์เวิร์ดเชิงพาณิชย์ เมื่อลิงค์ที่มีข้อความเชิงพาณิชย์ครอบคลุมจำนวนลิงค์ทั้งหมดของเว็บไซต์ที่โปรโมท – อาจส่งผลให้เสิร์ชเอนจินอย่าง Google สงสัยและเว็บไซต์ที่โปรโมทอาจถูกแบนหรือได้รับข้อจำกัดบางอย่าง

2.กลยุทธ์ SEO ยุคใหม่

2.กลยุทธ์ SEO ยุคใหม่

คุณสามารถสร้างลิงค์ไปยังหน้าเว็บของคุณได้แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถสร้างลิงค์ได้มากกว่าคู่แข่งคุณสามารถสร้างลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้แต่คู่แข่งของคุณสามารถสร้างลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้มากกว่าคุณสามารถซื้อ  link weight ได้ในราคา 10,000 บาทต่อเดือน แต่คู่แข่งของคุณจะซื้อได้ในราคา 20,000 บาทในการสร้าง link weight คุณมักต้องใช้ความเสี่ยงที่เรียกว่า SEO หมวกเทา เช่น ลิงค์ที่ถูกซื้อโดยไม่มีเหตุผล, การโกงจำนวนไลค์, การใช้สแปม, สร้างเครือข่ายไปยังเว็บไซต์หลัก และแม้แต่ SEO หมวกดำ เช่น สแปมซึ่งสามารถถูกลงโทษเว็บไซต์ได้โดยการถูกแบนจากเสิร์ชเอนจิน 

สรุปได้เพียงอย่างเดียวว่า คุณจำเป็นต้องฉลาดและมีไหวพริบมากกว่าคู่แข่ง และใช้ประโยชน์จาก “จุดด้อย” ของ Google 

1. เพื่อให้มีความสอดคล้องมากขึ้น

เราต้องมีเนื้อหาของหน้าเว็บที่สอดคล้องมากกว่าหน้าเว็บของคู่แข่ง โดยจะมีเนื้อหรือลิ้งไปยังจุดขาเข้า จึงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคู่แข่งและประเมินว่ามีอะไรที่ยังขาดหายในเว็บไซต์ของคู่แข่งและในเรื่องของความต้องการของผู้เข้าชม ดังนั้นต้องพยายามนำสิ่งที่ขาดหายไปนั้นมาใช้กับเว็บไซต์ของคุณ
ความสอดคล้องของเนื้อหาปัจจุบันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการจัดอันดับของเสิร์ชเอนจิน  
คุณต้อง “พิสูจน์” ให้ Google รู้ว่าคุณมีอำนาจในด้านนี้มากกว่าคู่แข่งของคุณ สิ่งนี้จะทำให้เนื้อหาเว็บไซต์ของคุณครอบคลุมมากยิ่งขึ้น, มีรูปภาพที่จำเป็นและมีประโยชน์, มีวิดีโอไฟล์ที่สมบูรณ์และมีคีย์เวิร์ดที่ชัดเจนแสดงในหน้าเว็บ 
ควรให้ความสำคัญต่อการเชื่อมโยงภายใน ใช้หลักของเหตุและผลควบคู่กับการใช้งานคีย์เวิร์ดที่สอดคล้อง  
2. เพื่อให้มีความนิยมมากขึ้น
ยิ่งหน้าเว็บของคุณมีการโต้ตอบ, แสดงความเห็นและมีจำนวนผู้เข้าชมเว็บมากเท่าไหร่ ระดับความเชื่อมั่นของเสิร์ชเอนจินก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น  เราสามารถใช้ความคิดเห็นและปุ่มแสดงความนิยม (+1 Google,FacebookTwitter),  จากกระทู้ต่างๆพร้อมทั้งใส่ลิงค์เชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลนั้น (คัดลอกและวางความคิดเห็นเกี่ยวกับคุณจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ), คำถามและคำตอบต่างๆของเว็บไซต์, ความเห็นจาก You Tube, รีวิวจากผู้ใช้ทั่วไป ฯลฯ

3. การเพิ่มจำนวนกิจกรรมของผู้ใช้  
คุณต้องทำให้ผู้ใช้อยู่ในเว็บไซต์ของคุณนานเท่าที่จะทำได้ เมื่อคุณให้ข้อมูลที่น่าสนใจและมีคุณภาพแก่ผู้ใช้ ซึ่งจะทำให้เพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้สามารถใช้เวลาในการชมและดูเว็บไซต์นานขึ้นและยังสามารถทำให้ผู้ใช้เชื่อมั่นคุณและลดอัตราการตีกลับซึ่งเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บ เช่น คุณมีผลต่อปัจจัยพฤติกรรมของผู้ใช้โดยตรง

เครื่องมือที่สำคัญก็คือ ปุ่มแสดงความนิยมและกระทู้โต้ตอบเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ

คุณสามารถค้นหาได้ใน สถิติ Google analytics (หรือ truehits.netstats.in.thstatcounter.com) ซึ่งสามารถค้นหาหน้าเว็บที่มีการเข้าชมมากที่สุดหรือเข้าชมยาวนานที่สุด และคุณยังสามารถติดตามได้ว่าผู้ที่เข้าชมหน้าเว็บของคุณมาจากพื้นที่ใด (ขึ้นอยู่กับคำค้นหาและจุดเริ่มต้น) เนื่องด้วยคุณสามารถสร้างแถบด้านข้างของคุณเองโดยยึดหลักจากคำค้นหาที่คุณได้เสนอหน้าเว็บที่น่าสนใจให้ผู้ใช้ 

เชิญผู้ใช้ให้สมัครรับจดหมายข่าวสาร, ไปที่ฟีด RSS และบอกเหตุผลว่ามีประโยชน์อย่างไร โดยจัดทำและแจกหนังสือที่ให้คำแนะนำและมีเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใครและเสนอให้ผู้อ่านเข้าไปโต้ตอบ สนทนาได้เว็บไซต์

4. ผลกระทบต่อ SERP 

เราได้ใช้กลยุทธ์ microdata จาก shema.org ในทุกๆที่: เพื่อสร้างความโดดเด่นออกจากคู่แข่ง

5. การสร้างแบรนด์

เราได้ใช้เทคโนโลยีการสร้างแบรนด์ทั้งหมด เช่น การสร้างบัญชีในโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อสนับสนุนลูกค้า, การวิเคราะห์รายการลิงค์ของลิงค์ข้อความและทำลิงค์ให้เป็นธรรมชาติที่สุดและที่สำคัญจำนวนลิงค์ข้อความของแบรนด์ต้องไม่น้อยกว่า 50% ของทั้งหมด

1. คำแนะนำเกี่ยวกับ SEO สมัยใหม่

1. คำแนะนำเกี่ยวกับ SEO สมัยใหม่

SEO (การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา) คือเทคนิคที่ช่วยให้ตำแหน่งของลิงค์คุณในผลการค้นหามีตำแหน่งสูงขึ้น 

การทำ SEO นั้นจะเริ่มต้นกับวิธีการพื้นฐานทั่วไปและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเว็บไซต์จะช่วยทำให้มีอันดับที่สูงขึ้นในผลลัพธ์การค้นหา การดำเนินการง่ายๆกับองค์ประกอบของหน้าเว็บจะมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น: ตัวอย่างเช่น  การเพิ่มคำบางคำลงในหน้าเว็บจะช่วยปรับอันดับในผลการค้นหาให้สูงขึ้นและนอกจากนี้อาจซ่อนอยู่ส่วนที่มองไม่เห็น
เทคโนโลยีเสิร์ชเอนจินทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ในการค้นหาได้ง่ายมาก หน้าเว็บผลการค้นหานั้นนับว่าเกี่ยวข้องกับเสิร์ชเอนจิน หากว่ามีคำที่ผู้ใช้ป้อนลงในกล่องค้นหาปรากฎอยู่ด้วย เสิร์ชเอนจินจะค้นหาความถี่ของคำที่ปรากฎในข้อความแต่ไม่ได้คำนึงถึงความหมายของหน้าเว็บนั้นและความต้องการของข้อมูลเหล่านั้นจะทำให้ผู้ใช้งานเลือกใช้งานเสิร์ชเอนจิน 
หลายปีนี้ความเข้าใจของเอกสารที่เกี่ยวข้องได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสิร์ชเอนจินพยายามให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงมากที่สุดและเดาความคาดหมายของผู้ใช้โดยใช้หลักการทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วย 

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงในกลไกการค้นหานั้นเกิดขึ้นเกือบทุกวัน กลยุทธ์ที่สำเร็จและวิธีการโปรโมทของวันที่ผ่านมาไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกในปัจจุบันและอาจจะทำให้เกิดความเสียหายโดยไม่สามารถแก้ไขได้อีกด้วย  เราต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของเสิร์ชเอนจินอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามปรับตัวเข้าหาให้ได้มากที่สุด 

เสิร์ชเอนจินที่มีชื่อเสียงอย่าง Google ได้ใช้ตัวชี้วัดหรือเมตริกมากกว่า 200 ตัว ในการตรวจสอบระดับคุณภาพของหน้าเว็บและตำแหน่งใน  TOP SERP อย่างไรก็ตามตัวชี้วัดนี้ได้ถูกแบ่งโครงสร้างเป็นสามกลุ่มหลักๆ 
ข้อควรสังเกตุดังนั้นปัจจัยทั้งหมดที่ส่งผลกระทบต่อผลการค้นหาของเสิร์ชเอนจินสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ภายนอก, เชิงพฤติกรรมและภายใน

มาเริ่มพิจารณาถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวัดการเพิ่มประสิทธิภาพที่เราจะได้รับผลกระทบโดยตรง
1. ตัวชี้วัดลิงค์ขาเข้าหรือลิงค์ที่เชื่อมโยงมายังหน้าเว็บ (จุดแรกเข้า) 
เมตริกหรือตัวชี้วัดจะวัดจำนวนลิงค์ขาเข้า, สิ่งที่เกี่ยวข้อง, ความน่าเชื่อถือ, ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์จะอ้างอิงความเชื่อมั่นที่จะให้ในหมวดหมู่นี้

2. ตัวชี้วัดสำหรับการประเมินความน่าเชื่อถือของโดเมน

ตัวชี้วัดนี้ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์สะสมของลิงค์ขาเข้าที่เชื่อมโยงมายังโดเมน ซึ่งจะช่วยตรวจสอบจำนวนลิงค์ที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์ที่โปรโมท, ระดับความเชื่อมั่นของโดเนอร์, อัตราการเติบโตของน้ำหนักที่อ้างอิง, ความเกี่ยวข้องของน้ำหนักที่อ้างอิง และ anchor ข้อความแสปม ฯลฯ

3. การใช้คีย์เวิร์ดในหน้าเว็บ
จะกำหนดโดยใช้คีย์เวิร์ด (ข้อความหรือวลี) ในโค้ด HTML ของหน้าเว็บที่มีหัวข้อขึ้นต้นด้วย (<h1> ... <h6>) และคุณสมบัติ alt หรือข้อความซึ่งจะประมาณการ “ความเป็นธรรมชาติ” ของข้อความและดูว่าเป็นการโปรโมทมากเกินไปหรือไม่เพื่อกำหนดโทษได้ถูกต้อง

4. การใช้คีย์เวิร์ดในชื่อโดเมน 
จะประเมินการใช้คีย์เวิร์ดในรูทโดเมนหรือโดเมนย่อย ซึ่งอาจรวมไปถึงไดเรกทอรี่/ไดเรกทอรี่ย่อย และยังกำหนดไว้ว่าหากมีการใช้คีย์เวิร์ดหรือสแปมจำนวนมากในหน้าเว็บต่างๆจะมีการกำหนดโทษ 

5. ตัวชี้วัดทางสังคมของระดับหน้าเว็บ
จะนับส่วนประกอบทางสังคมของแต่ละหน้า เช่น “like”,  “tweets” +1, ลิงค์ที่เชื่อมไปยังหน้าเว็บในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ฯลฯ


6. ตัวชี้วัดแบรนด์ของโดเมน
การวัดจะขึ้นอยู่กับจำนวนการร้องขอสำหรับแบรนด์ของเว็บไซต์ของคุณในเสิร์ชเอนจิน แบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงในเว็บไซต์อื่นๆมโซเชียลเน็ตเวิร์ก และตัวชี้วัดแบรนด์อื่น ตัวชี้วัดนี้เป็นส่วนสำคัญของตัวกรอง Penguin จาก Google



7. ระดับการเพิ่มประสิทธิภาพของลิงค์
ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์และการวัดองค์ประกอบลิงค์ onpage  เช่น จำนวนลิงค์ภายนอกและภายใน, ลิงค์ dofollow หรือ nofollow ไปยังผู้ที่คุณอ้างอิงและโดเนอร์ของคุณไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์สแปม, โปรแกรมพันธมิตร, เว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำหรือแหล่งข้อมูลอื่นที่ไม่มีค่าใดๆเลย

8. ระดับ CTR และจำนวนความผิดพลาด 
เป็นตัวกำหนดอัตราส่วนของ CTR (จำนวนคลิกในเว็บไซต์ไปจนถึงจำนวนผลการค้นหาในเสิร์ชเอนจิน), จำนวนความผิดพลาดในหน้าเว็บ, ความพึงพอใจหน้าเว็บของคุณ (หากผู้เยี่ยมชมใช้คำขอนั้นค้นหาอย่างต่อเนื่อง)และปัจจัยอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน


9. ลักษณะของชื่อโดเมนหลัก 
พิจราณาถึงชื่อโดเมนมีคีย์เวิร์ด, ความยาวของชื่อ, มีตัวเลขหรือตัวอักษรพิเศษประกอบหรือไม่


10. การอ้างอิงของตัวชี้วัดอัตราการเติบโต 
ตัวชี้วัดนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งวิเคราะห์ความเร็วและคุณภาพการเติบโตของอัตราการอ้างอิง หากวางลิงค์โดยเฉลี่ย 10 ลิงค์ต่อวัน แล้วลดจำนวนลิงค์เป็น 3 ลิงค์ต่อวัน เว็บไซต์จะถูกเสนอให้เป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้สนใจน้อยลงและอันดับในเสิร์ชเอนจินก็จะตกอันดับด้วยเช่นกัน แต่ในทางกลับกัน หากอัตรการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 500 ลิงค์ต่อวัน จะแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่สูงขึ้นของเว็บไซต์นี้และยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของโครงสร้างลิงค์สังเคราะห์ ตัวชี้วัดนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรโดย Google และ SEOs จดสิทธิบัตรเลขที่ 20050071741


11. ข้อมูลส่วนบุคคล
ปัจจุบันเว็บไซต์ที่เป็นของบุคคลและนิติบุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้วจะอยู่ในอันดับต้นๆของผลการค้นหาในเสิร์ชเอนจิน คุณจำเป็นต้องเพิ่มข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ลิขสิทธิ์, ยืนยัน Google+ 1 ของคุณ, กำหนดอีเมล์, ระบุที่อยู่สำหรับธุรกิจของคุณ ฯลฯ 

Wednesday, March 26, 2014

เว็บไชต์คืออะไร

เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น

Sunday, March 23, 2014

เทคนิคและวิธีโปรโมทเวบให้คนรู้จัก วิธีโปรโมทเวบให้ได้ผล

 เทคนิคและวิธีโปรโมทเวบให้คนรู้จัก วิธีโปรโมทเวบให้ได้ผล 
    หลังจากที่เวบไซต์ของคุณมีความพร้อมแล้ว คุณก็สามารถเริ่มการโปรโมทเวบไซต์ของคุณได้ การโปรโมทเวบไซต์ของคุณมีหลายวิธี ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเวบไซต์ของคุณที่สุดครับ
1.กลยุทธ์เพิ่มคนเข้าเวบด้วย "เสิร์ช เอ็นจิ้น" (Search Engine Strategies) คงต้องยอมรับว่าเกือบ 80% ของคนใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก มักใช้เสิร์ช เอ็นจิ้น ในการค้นหาเวบไซต์ที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นการนำเวบไซต์ของคุณเข้าไปติดอันดับในเสิร์ช เอ็นจิ้น จึงเป็นวิธีที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณต้องการจะให้เวบไซต์ของคุณ เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นการปรับเวบไซต์ของคุณให้เสิร์ช เอ็นจิ้น รู้จัก จึงเป็นศาสตร์และเทคนิคที่คุณต้องคำนึง ตั้งแต่คุณวางแผนเริ่มต้นสร้างเวบไซต์ หรือสำหรับบางท่านที่มีเวบไซต์อยู่แล้ว ก็ควรที่จะวางแผนปรับเวบไซต์ของคุณให้เสิร์ช เอ็นจิ้น รู้จักได้โดยเร็ว มีตัวอย่างเวบไซต์เพื่อนผมเวบหนึ่ง หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ไม่ได้ทำการตลาดอะไรเลย   
นอกเหนือจากการปรับแต่งเวบไซต์ของเค้าให้ เสิร์ช เอ็นจิ้นรู้จัก แต่ภายหลังจากนั้น เวบไซต์แห่งนั้นก็มีรายได้จากการขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยที่เค้าไม่ต้องทำการตลาดอะไรอีกเลย เพราะเสิร์ช เอ็นจิ้น ได้รู้จักเวบไซต์ของเค้าแล้ว และส่งคนเข้ามาที่เวบไซต์ของเค้าอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย 

2.การเพิ่มลิงค์ เพิ่มโอกาสคนรู้จักเวบไซต์คุณ (Linking Strategies) การแลกลิงค์กับเวบไซต์อื่นๆ จะช่วยนอกจากจะทำให้คนอื่นๆ มีโอกาสเข้ามาที่เวบไซต์ของคุณได้จากเวบเหล่านั้นแล้ว คุณยังสามารถเพิ่มจำนวน "เพจแรงค์" (Page Rank) ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่จะช่วยทำให้อันดับของเวบไซต์ของคุณดีกว่าเวบอื่นๆ เมื่อเวบไซต์ของคุณถูกค้นหาผ่าน เสิร์ช เอ็นจิ้น 

โดยวิธีการที่จะเพิ่มลิงค์ให้กับเวบไซต์ของคุณ คุณควรไปเพิ่มชื่อเวบไซต์ของคุณที่บริการเวบไดเร็คทอรี่ใหญ่ของโลกเช่น 
www.DMOZ.com (เวบไซต์ไดเร็คทอรี่ที่ใช้คนจัดการ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก), www.Yahoo.comwww.About.com ถ้าเป็นของไทยก็ Sanook.com ยิ่งถ้าหากเวบไซต์ของคุณสามารถเข้าไปติดอยู่ในเวบไดเร็คทอรี่เหล่านี้ได้แล้วละก็ โอกาสที่เสิร์ช เอ็นจิ้นต่างๆ จะหาเวบไซต์ของคุณเจอ ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งง่ายๆ ที่คุณจะสามารถเพิ่มลิงค์ของเวบไซต์ของคุณ คือการขอแลกลิงค์กับเวบไซต์ต่างๆ ที่คุณอาจจะลองติดต่อขอแลกเปลี่ยนกับเวบไซต์เหล่านั้น นี่อาจจะเป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณเริ่มต้นได้ทันที 

3. การตลาดผ่านอีเมลช่องทางเข้าถึงลูกค้าที่ต้องใช้ให้ถูก (E-Mail Strategies) การตลาดผ่านอีเมล ไม่ใช่แค่การที่คุณไปซื้อรายชื่อคนมาแล้วส่งข้อมูลไปยังคนเหล่านี้โดยที่คุณไม่ได้เคยรู้จัก หรือได้รับอนุญาตจากคนเหล่านั้นเลย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการทำ "สแปม" ซึ่งไม่ใช่การตลาดผ่านอีเมลเลย แต่เป็นการสร้างความน่ารำคาญให้แก่ผู้รับมากกว่า ดังนั้นการสร้างระบบการเก็บอีเมลของลูกค้าของคุณเอง  หรือกลุ่มลูกค้าที่อาจจะสนใจรับข่าวสารจากเวบไซต์ของคุณ เป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการส่งข่าวสารของคุณผ่านอีเมลไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น แต่หากในตอนเริ่มต้น ซึ่งคุณยังไม่มีข้อมูลของลูกค้าของคุณเลย คุณอาจจะใช้วิธีไปใช้เช่ารายชื่ออีเมลจากผู้ให้บริการเช่ารายชื่ออีเมล เพื่อส่งไปหาคนเหล่านั้นด้วยความยินยอมจากผู้รับก็ได้ (ลองค้นหาผู้ให้บริการเช่ารายชื่ออีเมลจาก Google.com โดยใช้คีย์เวิร์ดคำว่า "list broker") 

4. วิธีเลือกใช้สื่อเก่า แต่ได้ผลแยบยลนัก (Traditional Strategies) การใส่ชื่อเวบไซต์ในสื่อต่างๆ ที่ไม่ใช่สื่อออนไลน์ (offline) อาจจะช่วยทำให้คนจดจำและดึงคนเข้ามาที่เวบไซต์ของคุณได้ เช่น การใส่ชื่อเวบไซต์ลงในนามบัตร, โบรชัวร์, ป้ายหน้าร้าน, สติกเกอร์ร้านค้า, ถุงใส่สินค้า, เสื้อหรือหมวกของพนักงาน, ป้ายสินค้า หรือแม้แต่การใส่ชื่อเวบไว้ที่ตัวสินค้าเลยก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้คนสามารถกลับมาที่เวบไซต์ของคุณได้อีกเมื่อเค้าเห็นชื่อเวบไซต์ของคุณจากสิ่งเหล่านี้ 

การเลือกใช้สื่อที่ไม่ใช่สื่อออนไลน์ อาจจะช่วยทำให้คนรับรู้และรู้จักเวบไซต์ของคุณเพิ่มมากขึ้นได้ เช่น ลงในป้ายโฆษณาต่างๆ, ลงในหนังสือ, จดหมาย, โปสการ์ด, วิทยุ หรือแม้แต่ทีวี แต่สื่อจำพวกนี้ มักจะมีค่าใช้จ่ายราคาแพง เว้นแต่คุณได้ใช้สื่อเหล่านี้อยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มชื่อเวบไซต์ลงไปในสื่อเหล่านี้เพิ่มเติม เพื่อให้คนรับสื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้อีกช่องทาง 

5.ใช้เงินลงโฆษณา (Paid Advertising Strategies) วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ได้ผลโดยเร็ว และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรง และรวดเร็ว คือการซื้อสื่อโฆษณาในสื่อที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ เช่น ซื้อตำแหน่งโฆษณารูปแบบตัวหนังสือ หรือแถบโฆษณา (Banner) ในเวบไซต์ หรือการใช้รูปแบบของการทำแนะนำและบอกต่อในการขาย เพื่อที่จะได้ค่าคอมมิชชั่น (Affiliate Program) ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่คุณจะสามารถได้ผลตอบแทนกลับมาที่แน่นอน และเช่นกันกับผู้ที่แนะนำบริการ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากคุณเช่นกัน 

6.อีกหลากหลายวิธีที่น่าลอง (Miscellaneous Strategies) วิธีอื่นๆ ที่น่าลองใช้เช่น การโปรโมทเวบไซต์ของคุณในเวบบอร์ดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป ซึ่งต้องพยายามหาวิธีที่ไปลงโฆษณาตามเวบบอร์ดต่างๆ ในรูปแบบที่น่าสนใจ และเคารพต่อเวบบอร์ดที่เราไปลงด้วย ไม่ใช่ไปลงซะเวบบอร์ดเค้ามีแต่โฆษณาเต็มไปหมด 
หรืออาจจะใช้วิธีแจกของ หรือมีบริการฟรีภายในเวบไซต์ของคุณ เพราะปกติคนชอบของฟรีอยู่แล้ว ดังนั้นเวบไซต์ของคุณจะบอกปากต่อปากไปเรื่อยๆ เช่น แจกฟรีอีเมล, บริการดูดวง, แจกตัวอย่างสินค้าฟรี เป็นต้น
จากวิธีทั้งหมดที่แนะนำมา ผมอยากให้คุณลองเลือกดู และลองนำวิธีต่างๆ นำไปใช้กับเวบไซต์ของคุณดูว่า วิธีไหนที่จะเหมาะกับเวบไซต์หรือธุรกิจของคุณ ซึ่งการโปรโมทเวบไซต์ บางรูปแบบ ก็อาจจะเหมาะสมกับบางธุรกิจ ซึ่งทั้งนี้ยังไม่มีหลักตายตัวที่แน่นอนว่า วิธีไหนจะให้ผลดีที่สุดสำหรับแต่เวบไซต์ อย่างนี้ต้องลองแล้วละครับ....! 

เทคนิค75 วิธีโปรโมทโมทเว็บเพื่อเรียกคนดู
เว็บไซต์ของคุณต่อให้ดีสักแค่ไหน คงจะไม่มีประโยชน์ ถ้าขาดการโปรโมทที่ดี เทคนิคต่างๆต่อไปนี้ ลองนำไปใช้ดู นะคะ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ
1. ถ้าคุณเพิ่งทำเวบใหม่สดๆเลย ก็เขียนบทความอะไรซักหน่อย แล้วไปส่งที่ Digg, Reddit, และ Now Public
2. สร้าง 
Yahoo Group เกี่ยวกับเรื่องของเวบเรา
3. สมัคร MySpace แล้วใช้มันช่วยโปรโมท
4. บุ๊คมาร์คเวบเราที่ Del.icio.us และถ้าคุณมีกึ๋นซักหน่อยนะ ก็ใส่ปุ่ม Del.icio.us ไว้ในเวบของคุณด้วย
5. สมัคร Technorati แล้วก็ "claim" Blog ของคุณซะ (อย่าลืมใส่ปุ่ม ไว้ที่เวบ)
6. 
submit เวบของคุณที่ directories ที่เป็น seach engine friendly แบบฟรีๆ ก็มีเยอะแยะ เช่น Info Vilesilencer
7. ทำแบบสำรวจ นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะโปรโมทแบบ offline (มีใครเคยทำมั้ยง่ะ - -)
8. ไปลงโฆษณาฟรีสำหรับบริษัทของคุณที่ Gumtree
9. ใช้ RSS feeds
10. submit RSS feeds ของเราตาม FeedBurner, Squidoo, Feedboy, Jordomedia, FeedBomb, FeedCat, rssmad, feedirectory, และ Feedboy
11. เขียนบทความที่เกี่ยวกับเวบของคุณ แล้วส่งไปตาม article sites
12. สมัคร StumbleUpon แล้วเรียกเพื่อนๆมาช่วย Stumble
13. สร้างหน้า 404 ของตัวเองไว้ เผื่อว่าคนเข้ามาเจอ error ก็จะ redirect ไปที่อื่นๆที่ดีๆ
14. สร้าง 301 redirect เพื่อจะ redicrect traffic ของคุณจาก non-www มาที่ www
15. ใส่ลิ้งของเวบคุณไว้ใน signature ของเวบบอร์ดที่คุณเป็นสมาชิก
16. บอกเพื่อนๆเกี่ยวกับเวบของคุณ (มันเป็นหารโฆษณาฟรีๆน่ะ)
17. ตรวจคำผิดในเวบของคุณด้วย!
18. เช็คเวบของคุณ browser หลายๆอัน
19. ซื้อโฮสต์ที่ดีพอ ไม่มีใครชอบเวบที่เป็นเต่าคลาน
20. ไม่ต้องกังวลกับ PageRank ไปหาทางโปรโมทดีกว่านะ เดี๋ยว PageRank มันก็ดีตามเอง
21. แจกของฟรี !! คนส่วนมากจะบอกต่อ เมื่อมีของฟรี
22. บอกเพื่อนบ้านของคุณ
23. บอกวิธีที่จะติดต่อคุณให้มากที่สุด msn email yahoo skype เบอร์โทร ที่อยู่
24. ลงโฆษณากับ Craigslist มันฟรี และก็ดีใช้ได้
25. อย่าใช้ Frames
26. Submit เวบที่ DMOZ.org มันอาจจะต้องใช้เวลาซักหน่อย แต่ก็คุ้ม
27. สร้าง Site Map ให้กับเวบของคุณ แล้วส่งให้ Google
28. ทำเสื้อขึ้นสกรีน URL เวบคุณลงไป แล้วก้ใส่มันบ่อยๆด้วย (อืม..คิดได้เนอะ - -")
29. เอาไปให้สาวสวยหุ่นเร้าใจใส่ด้วยซักตัว *-*
30. สมัคร Affiliate program เพื่อขายสินค้าของคุณ หรือว่าถ้าคุณเป็น Publisher ก็โกยเงินกัน!!
31. ในหน้า contact ถามด้วยว่า คุณสนใจจะรับ Newsletter มั้ย
32. ส่ง Newsletter !!
33. เข้าร่วมสัมมนาคนทำเวบ คุณอาจจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆก็ได้
34. หา Blog ดีๆ ดังๆ แล้วก็ไปตอบคอมเม้นไว้ (ใส่ลิ้งเวบคุณด้วยล่ะ)
35. อย่าจ้างคนให้ submit search engines ให้ เสียตังค์เปล่าๆ เพราะอันที่ดังๆมีแค่ Google 50% Yahoo 25% และ MSN 10%
36. ส่งคลิบเข้าพร้อมกับชื่อเวบคุณในคลิบ ที่ YouTube กับ Google Video
37. แจกฟรี e-book แล้วเวบคุณจะเป็นที่ฮือฮา
38. แจก Wordpress Theme, Blogger Theme, หรือ phpLD themes
39. ถ้าคุณขายของที่มีโฆษณาในทีวี เขียนในเวบคุณด้วยว่า "แบบที่เห็นในทีวี"
40. หลีกเลี่ยงเทคโนโลยีที่ไฮโซเกิน เช่น Java หรือ Active x
41. แจกของให้โหลดได้ ระวังลิขสิทธิ์ด้วย
42. เรียนรู้ CSS
43. ตอบคอมเม้น ยิ่งถ้าเป็น Blog ตอบบ่อยๆ
44. ขอให้เวบอื่น หรือ Blogger คนอื่นๆ ช่วย review เวบคุณ หรือว่า สินค้าก็ได้ (แลกกัน review ก็ดี)
45. ใช้ชื่อ page ที่มีความหมาย ไม่ใช่ 
www.yourdomain.com/pgInfoPages.cfm?cx=50799399822B393BBF95289295A3A10A4F
46. ถ้าคุณจำเป็นจะต้องมี Flash ที่หน้าแรก อย่าลืมใส่ปุ่ม skip ด้วย
47. บอกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือ วารสารประจำโรงเรียนเกี่ยวกับเวบของคุณ บางทีถ้าเค้าไม่มีเรื่องจะเขียน หน้าของคุณอาจจะไปโผล่ในนั้นก็ได้
48. จงดังในหมู่คนที่เขียนเรื่องเดียวกัน
49. บริจาคเพื่อการกุศล แล้วส่วนมากเค้าจะใส่ลิ้งแบคให้คุณ
50. ปฏิบัติตามกฏของ W3C standards มันจะช่วยให้คุณอยู่รอดได้ในระยะยาว
51. ทีมกีฬาในโรงเรียน หรือในชุมชน ให้โอกาสคุณเป็น sponsors ในราคาถูกและดี
52. โปรโมทเวบตามบอร์ดต่างๆ แต่อย่าสแปม
53. ขอให้ Blogger เขียนเกี่ยวกับเวบของคุณ โดยแลกกับลิ้งแบค
54. จัดการประกวดแข่งขันขึ้นมาในเวบ
55. ใส่ปุ่ม "ส่งต่อให้เพื่อน"
56. มี site map ในเวบของคุณ เพื่อช่วยผู้เข้าชม และsearch engine
57. ตั้งชื่อที่มีคีย์เวิร์ดตรงๆ ทั้งผู้อ่านและ search engine ชอบ
58. ใส่ปุ่ม FeedBurner ในเวบด้วย คนอ่านจะได้สมัครได้ง่ายๆ
59. Adwords เป็นทางเลือกที่ดี ถ้าคุณใช้มันเป็น
60. ใส่ About Me ใน Blog ผู้อ่านจะรู้สึกว่ามี'คน'ที่กำลังสื่อสารกับเค้า
61. สร้างหน้าเวบ แบนเนอ และโลโก้ไว้บนเวบ เพื่อว่าใครจะเอาไปตีพิมพ์ หรือเอาไปแปะในเวบ
62. ใส่ลิ้งมาที่เวบคุณจาก ebay profile
63. ขอให้เพื่อนของคุณช่วยวิจารณ์เวบแบบตรงๆ
64. E-books ที่มี reseller rights เป็นของแจกที่ดีอย่างนึงสำหรับเวบคุณ
65. submit รูปที่ Flikr
66. แชร์ banner ที่ เวบแลกเปลี่ยน banner
67. ตอบอีเมลล์ของลูกค้าให้เร็ว ไม่มีใครชอบรอ 3-4 วันกว่าจะได้รับคำตอบ
68. Keep It Simple Stupid (KISS) ใช้ CSS ในการวาง layout และ html text อย่าลวดลายมาก
69. อย่าใส่รูปเยอะมากจนเกินไป จะทำให้โหลดช้า
70. ถ้าคุณคิดว่าจะ submit เยอะมากๆ สร้างเมลล์อันใหม่มาเพื่อการนี้ แล้วทิ้งมันไปซะเพื่อลดการ
สแปม71. ใส่ Favicon ให้เวบคุณ จะได้โดดเด่นเวลา Bookmark
72. เข้า Yahoo answer แล้วตอบคำถาม พร้อมกับใส่เวบของคุณเปน source
73. อย่าซื้อ traffic มันจะมาแค่วูบเดียว แล้วจากไป
74. ทำความรู้จักกับคนที่อยู่ในวงการเดียวกัน เข้า community เป็นต้น
75. เขียนบทความที่จะมีคนอยากลิ้งถึงมากๆ เช่น บทความนี้ไง


อีกเว็บไซต์นึง ที่ไปเจอมา และอยากเอามาแนะนำกัน
1. Add ทุก Search Engine ทั้งไทย-เทศ
2. ใช้บริการ Webring คือการลิ้งกันเป็นวงแหวนสำหรับเวบที่มีเนื้อหาคล้ายกันที่ 
www.webring.org
3. หมั่นบันทึก ตามเวบบอร์ดต่างๆ เช่น แสนสุข , สนุก , หรรษา , พันธ์ทิพย์ จะทำให้คนเห็นมากขึ้น
4. แลกลิ้งกับเวบไซด์อื่นๆ ที่มีเนื้อหาคล้ายๆ กัน หรือใช้บริการ link exchange เช่น
www.linkexchange.com
5. ลงโฆษณาตามเวบไซด์ดังๆ
6. แนะนำเวบคุณกับไทยรัฐ เดลิเวบ
7. ประชาสัมพันธ์ผ่านหน้า AddUrl ตามเวบไซด์ต่างๆ ที่พบ
8. สมัครจัดอันดับเวบไซด์กับเวบไซด์ดัง ๆ ของไทย
9. ประชาสัมพันธ์ผ่าน News Group หรือติดประกาศตามป้ายรถเมล์
10.แจกสติ๊กเกอร์ หรือเสื้อที่มี url ของคุณกับผู้ใช้ หรือแนะนำเวบคุณกับวารสาร

การเลือกชื่อโดเมนเนมที่ดี

   การเลือกชื่อโดเมนเนมที่ดี

ชื่อโดเมนเป็นสิ่งที่สื่อได้ถึงบริษัทของคุณ หรือเว็บของคุณ หากชื่อดีจำง่ายแล้วผู้เข้าชมคงจะแวะเข้ามาบ่อยๆ แต่หากเนื้อหาดี แต่ชื่อจำยากหรือสะกดยากแล้วคงยากที่จะกลับมา
กฏในการตั้งชื่อโดเมนเนม ...
1. ต้องมีความยาว 2 - 46 ตัวอักษร
2. ต้องไม่มีสัญลักษณ์พิเศษเช่น @!#$%^&*()_+= ต่างๆ
3. สามารถมี - ( Dash ) ขั้นได้ แต่ห้ามอยู่หน้าเช่น -yourdomain ไม่สามารถจดได้ ที่จดได้คือ yourdomain-x.com แต่ไม่สามารถจดแบบ thaiton-.com ได้
การตั้งชื่อโดเมนที่ดีควรจะ ....
1. สื่อง่ายว่าเป็นเว็บคุณ เช่นบริษัทไมโครซอร์ฟ ก็ microsoft.com
2. ไม่ควรที่จะใช้ภาษาคาราโอเกะ เช่น matummai.com หากผู้ชมสะกดไม่ตรงแล้วก็ไม่สามารถเข้าชมได้
3. ไม่ตั้งให้ยาวเกินความจำเป็น
4. สั้นไว้ก่อนปัจจุบันโดเมนประเภท 2-3 ตัวของ .com ขายหมดแล้วซึ่งคาดว่า .net จะหมดเร็วๆ นี้ คุณลองคิดชื่อเล่น 3 ตัว เช่น 0ad os8 3sa 4dc คุณคิดว่าชื่อพวกนี้สื่ออะไรไม่ได้ แต่ทำไมมีคนจดหล่ะ แถมซื้อขายกันราคาหลักหมื่นขึ้นไป เพราะมันจำง่ายแค่ 3 ตัว
อาจจะเรียกเป็น โอเอดี 0ad ก็ได้ ซึ่งก็ยังจำง่าย
5. อย่าพยายามตั้งเป็น ตัวเลขต่อหลัง เช่น test.com เป็น test1.com test3.com
.dot ไหนเหมาะกับเรา ?
.com - commerical
.net - network
.org - organization
.info - information
.name - name
.biz - business
.co.th - company in thailand
.in.th - induval in thailand
.or.th - organization in thailand
ซึ่งอาจจะไม่ต้องตรงตาม .dot หรือ extension นั้นๆ ก็ได้ บางคนยังบอกว่า .com กลายเป็น common ( ทั่วไป ) ไปซะแล้ว ขอแค่เข้าง่าย จำง่าย ไม่ซ้ำใครก็โอเคแล้ว .com ไม่ว่างสำหรับชื่อดีๆ ก็ไปเลือก .dot อื่นก็ได้ ทั้งนี้ .com .net .org .info ฯลฯ ไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ สามารถจดได้เลย ซึ่งง่ายและสะดวก แต่สำหรับ .th ต้องมีเอกสารและชื่อที่จดต้องสื่อถึงบริษัทด้วย ซึ่งก็ดีสำหรับ .th ถ้า .com ไม่ว่าง
สรุปง่ายๆ การเลือกชื่อโดเมนเนม ควรมีดังนี้
1.ชื่อที่ตั้งควรมีความชัดเจนและตรงกับความหมายที่ต้องการจะสื่อ ไม่ควรมีการเล่นคำอย่างเช่น design.com กับ desine.com คนย่อมจำชื่อแรกได้ดีกว่า
2. ถ้ามีเงินพอควรจดทั้ง ดอทคอม ดอทเน็ต เพื่อกันการสับสนของผู้เรียกใช้
3. ตรวจสอบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นก่อนจองชื่อโมเด็มเพราะอาจจะมีปัญหากับเจ้าของเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นในภายหลังได้
4. พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องหมายขีด( - ) เช่น i-c-u.com
5. ควรเลือกชื่อที่มีความหมายกว้าง ๆมากกว่าชื่อที่ชี้เฉพาะเจาะจงกลุ่ม เช่น thaidance.com กับ rumwong.com ชื่อแรกจะเข้ากับกลุ่มเป้าหมายได้หลายกลุ่มกว่าชื่อหลัง
ุ6. ชื่อยิ่งสั้นยิ่งดี เพราะจะจดจำง่าย หรือชื่อจำง่ายพิมพ์ง่ายสะกดง่าย เช่น pee.com pasa.com                                                                                                            
7. ในกรณีที่ใช้อักษรภาษาอังกฤษสะกดเป็นชื่อไทยไม่ควรใช้คำที่ซับซ้อน ถึงแม้จะสะกดได้อักษรภาษาอังกฤษถูกต้องทุกตัวก็ตาม เช่น garbkhow.com กับ cupcow.com คำหลังอาจจะไม่ตรงมากนัก แต่ก็จดจำได้ง่ายกว่าคำแรกและคำสะกดไม่ซับซ้อนด้วยครับ 
8. ถ้าเป็นไปได้ ควรหาครับที่เป็นไปในทางเดียวกัน ( ยากมาก )ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤต เช่น bahtdeal.com( บาทเดียว.คอม)เพราะคำสามารถสื่อไปในทางเดียวกันทั้ง 2 ภาษาเลยครับ
9. การตรวจสอบชื่อโดเมนสามารถทำได้ที่ http://www.internic.net เลือกที่ whois นะครับ หรือที่เว็บอื่นก็ได้ครับ ที่มีบริการนี้ให้ 

ทดลองใช้งานเว็บไซต์สำเร็จรูป ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ ได้ที่นี่

ทดลองใช้งานเว็บไซต์สำเร็จรูป ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ ได้ที่นี่ 

ทดลองใช้งานได้ทุกคน ไม่จำกัด มีทั้งหมด 20 เว็บครับ
test1  -  test10  จะเหมือนกับเว็บที่มีจำหน่ายในราคา 499  กับ  999     แพ็คเกจที่1 กับ แพ็คเกจที่ 2  
 test 11 -  test20  จะเหมือนกับเว็บที่มีจำหน่ายในราคา  1,200 / 1,600 / 1,700 /2,100  แพ็ตเกจที่ 3 ขึ้นไป ถึง แพ็คเกจที่ 6    ตั้งแต่แพ็คเกจที่  3 -6  นี้  จะมีระบบสมัครสมาชิกเข้าฐานข้อมูลเพิ่มเข้ามา  และสินค้าแยกเป็นหมวดหมู่ได้  และมีเว็บบอร์ด  และพื้นที่ 500 MB   และทำเป็นเว็บไซต์พ่วงได้   
ให้ลูกค้าเข้าไปลองใช้งานดูนะครับ ไม่เข้าใจว่าตรงไหน ทำอย่างไร โทรสอบถามทีมงานของเราได้ที่เบอร์ 08-4273-0720 ปรึกษาฟรี! ยินดีให้บริการทุกท่าน ทุกวัน ตลอด 24 ชม.


ชื่อเว็บ ทดลองที่ 1 http://www.test1.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ 
http://www.test1.tht.in/2222/
Username : test1.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 2 
http://www.test2.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ 
http://www.test2.tht.in/2222/
Username : test2.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 3 
http://www.test3.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ 
http://www.test3.tht.in/2222/
Username : test3.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 4 
http://www.test4.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ 
http://www.test4.tht.in/2222/
Username : test4.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 5 
http://www.test5.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ 
http://www.test5.tht.in/2222/
Username : test5.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 6 http://www.test6.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test6.tht.in/2222/
Username : test6.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 7 http://www.test7.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test7.tht.in/2222/
Username : test7.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 8 http://www.test8.tht.in/

สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test8.tht.in/2222/
Username : test8.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 9 http://www.test9.tht.in/

สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test9.tht.in/2222/
Username : test9.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 10 http://www.test10.tht.in/

สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test10.tht.in/2222/
Username : test10.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 11 http://www.test11.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test11.tht.in/2222/
Username : test11.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 12 http://www.test12.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test12.tht.in/2222/
Username : test12.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 13 http://www.test13.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test13.tht.in/2222/
Username : test13.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 14 http://www.test14.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test14.tht.in/2222/
Username : test14.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 15 http://www.test15.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test15.tht.in/2222/
Username : test15.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 16 http://www.test16.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test16.tht.in/2222/
Username : test16.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 17 http://www.test17.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test17.tht.in/2222/
Username : test17.tht.in

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 18 http://www.test18.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test18.tht.in/2222/
Username : test18.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 19 http://www.test19.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test19.tht.in/2222/
Username : test19.tht.in
Password : 1234

ชื่อเว็บ ทดลองที่ 20 http://www.test20.tht.in/
สำหรับเข้าไปพัฒนาเว็บไซต์ที่ http://www.test20.tht.in/2222/
Username : test20.tht.in
Password : 1234